# นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย  กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทราบว่า มีการปะทะกันเล็กน้อยว่า มีการยั่วยุอยู่ตลอดเวลา แต่ฝ่ายกองทัพของเรามีความอดทนอดกลั้น และมีความพร้อมตรึงกำลังไม่ให้มีการล่วงล้ำใดๆ

นอกจากนนี้นายกฯ ตอบคำถามที่ว่า หลังแถลงนโยบาย จะยกหูคุยกับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เองเลยหรือไม่ ว่า เรื่องการรักษาดินแดน รักษาอธิปไตย ความปลอดภัยของประเทศและประชาชนเป็นเรื่องของกองทัพที่จะมีอำนาจอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องเปิดด่านยืนยันว่าไม่มี จนกว่าความเป็นภัยของประเทศกัมพูชาต่อประเทศไทยจะหมดไป

# พล.ท. บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงที่ปรากฏภาพเคลื่อนย้ายจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เข้าพื้นที่ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหรือไม่ ว่า เป็นสิ่งบอกเหตุว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ในอนาคต เรื่องความขัดแย้งด้วยอาวุธ ซึ่งยอมรับว่า ผิดข้อตกลงอยู่แล้ว ก็ประท้วงไป

ส่วนการก่อกวนในช่วงที่จะมีการรับมอบตำแหน่งของแม่ทัพภาคที่ 2 และตำแหน่งสำคัญอื่นๆ ในกองทัพ พล.ท.บุญสิน เชื่อว่า คงไม่มีผล ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ก็ทำหน้าที่อำนวยการยุทธก่อนหน้านี้อยู่แล้ว รู้ขั้นตอนการปฏิบัติอยู่แล้ว ในขณะที่รัฐบาลชุดปัจจุบัน เคยอยู่กับรัฐบาลเดิมอยู่แล้ว เชื่อว่าจะไปต่อได้ ไม่มีปัญหา รอยต่อต่างๆ ไม่มีผลกระทบต่อไทย

# พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงคดีที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ และคดีอั้งยี่ ฟอกเงิน ฮั้วเลือกสว. ว่า ในส่วนของคดีฮั้ว สว. ทราบว่าเป็นการดำเนินการของทาง กกต. อยู่แล้ว ก็ให้ กกต. รับผิดชอบดำเนินการไป ส่วนคดีเขากระโดง ให้ผู้รับผิดชอบดำเนินการไปได้ จริง ๆ แล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และกรมที่ดิน และเท่าที่ทราบ รฟท. จะยื่นฟ้องคู่กรณีประมาณกว่า 900 ราย เพราะถือคติว่าจะยื่นฟ้องทั้งหมด ตนก็คงจะต้องรอคำพิพากษาของศาลในส่วนนี้

" คดีคงค้างอื่นที่ติดค้างมาจากรัฐบาลชุดเก่า ให้ว่ากันไปตามกฎหมาย หน่วยงานใดรับผิดชอบ ก็ดำเนินการต่อไป ผมในฐานะ รมว.ยุติธรรม คงกำกับนโยบายเพียงเท่านั้น โดยยึดหลักนิติธรรม ให้เป็นไปตามกฎหมาย อันไหนที่เขาทำมาแล้ว ก็ให้ดำเนินการต่อไปได้เลย"