ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำทีม FBI-UNODC ลงพื้นที่ชายแดนจันทบุรี ชี้เป้าอาคารต้องสงสัยฝั่งกัมพูชา คาดเป็น เซฟเฮาส์ศูนย์อำนวยการคอลเซ็นเตอร์ เร่งถกมาตรการสกัดป้องปราม ตัดท่อน้ำเลี้ยง

วันที่ 25 ก.ย. 68 ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผอ.ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ผดุงศักดิ์ รักษาสุข ผบก.ภ.จว.จันทบุรี นำคณะเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจาก 8 ประเทศ และ 3 องค์กรระหว่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จีน เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย อินเดีย และเวียดนาม รวมถึงสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ,องค์การตำรวจสากล (INTERPOL) สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) และหน่วยสืบราชการลับสหรัฐ (Secret Service) ลงพื้นที่เส้นทางธรรมชาติแนวชายแดน อ.โป่งน้ำร้อน เพื่อหารือมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการค้ามนุษย์ 

จากนั้น ได้พาคณะได้ลงพื้นที่ดูช่องทางธรรมชาติ "ช่อง 5 บาท" ที่มักพบการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และเป็นจุดที่สามารถมองเห็นอาคารต้องสงสัย ที่เชื่อว่าเป็นที่ตั้งเซฟเฮาท์หลักของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งอาคารดังกล่าวตั้งอยู่ฝั่งกัมพูชา ติดกับแนวชายแดนจันทบุรี มีเพียงลำคลองที่มีความกว้างประมาณ 20 เมตรขั้นกลาง ระหว่าง 2 ประเทศ โดยเจ้าหน้าที่บอกว่า ตรงจุดดังกล่าว เป็นดงป่าไผ่หนาแน่น จึงเป็นเพียงจุดที่พักชาวกัมพูชา ระหว่างรอลักลอบข้ามแดน ไม่ใช่ช่องทางหลัก เนื่องจากน้ำในคลองมีสภาพเน่าเหม็น และเศษวัชพืชเศษขยะ ตลอดจนกอไผ่ล้มขวางอยู่ ประกอบกับการตรวจคุมเข้มของเจ้าหน้าที่ ทำให้การลอบเข้าช่องทางนี้เป็นไปได้ยาก ซึ่งในขณะที่คณะเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ FBI-UNODC ลงพื้นที่สังเกตุการณ์อาคารต้องสงสัยดังกล่าว พบว่าพนักงานที่ทำงานอยู่ในอาคาร แตกตื่น พากันออกมา
ยืนดูพร้อมกับนำโทรศัพท์ออกมาถ่ายภาพ

พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ (ในฐานะ ผอ.ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์) เปิดเผยว่า ขณะนี้พบแนวโน้มการ เคลื่อนย้ายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เป็นคนไทยจากฝั่งปอยเปตเข้ามาทาง จันทบุรีเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าเกิดจากการที่ฝั่งสระแก้วมีการจับตาเป็นพิเศษ จึงเกรงว่าจันทบุรีอาจกลายเป็นพื้นที่ที่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้ามาตั้งฐานเพิ่มขึ้น มาตรการหลัก ที่จะนำมาใช้ยังคงเน้นการ "ตัดท่อน้ำเลี้ยง" หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นต่อเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ เช่น การตัดสัญญาณเสาโทรศัพท์ และการป้องกันคนไทยลักลอบข้ามแดนไปสแกนหน้าเพื่อ เปิดบัญชีม้า โดยยืนยันว่าได้มีการส่งข้อมูลฐานที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ตรงข้าม จ.จันทบุรี ให้กับตำรวจกัมพูชาทราบแล้ว และไทยไม่ได้เป็นที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่เป็นเพียง จุดผ่านทางที่สะดวก

พล.ต.อ. ธัชชัย บอกอีกว่า พฤติกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นอกจากจะหลอกลวงคนไทยแล้ว ยังมีการหลอกลวงชาวต่างชาติ โดยมีคนจีน เวียดนาม และไนจีเรีย ใช้ฐานในกัมพูชา และหลอกคนชาติเดียวกันเอง วัตถุประสงค์ของการนำนานาชาติลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อให้เห็นสภาพพื้นที่จริง ก่อนจะมีการประชุมร่วมกันที่ วอร์รูม (War Room) กรุงเทพฯ ซึ่งทุกประเทศในเอเชียจะแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อกำหนดมาตรการลงโทษและใช้กฎหมายระหว่างประเทศกดดัน โดยทุกชาติที่ร่วมลงพื้นที่ เห็นพ้องต้องกันที่จะปราบปรามร่วมกับไทย และรับทราบว่าไทยมีความตั้งใจจริงในการแก้ปัญหา ประเด็นสำคัญที่นานาชาติให้ความสนใจคือสถานการณ์ในกัมพูชา โดยไทยคาดหวังว่ากัมพูชาจะแสดงความจริงใจในการปราบปราม และจะจัดทำ แผนปฏิบัติการ (Action Plan) ส่งให้ไทยในการประชุม GBC ครั้งต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยถึงเทคโนโลยีล่าสุดที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้คือระบบ "ซิมบ็อกซ์" หรือ "E-sim" ซึ่งทำให้การค้นหาของเจ้าหน้าที่ยากลำบากขึ้น เพราะสามารถใช้ Wi-Fi จากประเทศเพื่อนบ้านในการเข้าถึงเครือข่ายมือถือของคนไทยได้อย่างรวดเร็ว