วันที่ 25 กันยายน 2568 ที่วชิรพยาบาล เขตดุสิต นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงแนวทางเทปูนลงไปทับกระสอบทรายเพิ่มเติม เพื่ออุดช่องอุโมงค์ป้องกันดินไหลเข้าไปภายในอุโมงค์ว่า โดยหลักการสำคัญในการแก้ไขปัญหาคือ ต้องถมดินกลับคืนสู่สภาพเดิม (Backfill) แต่การดำเนินการดังกล่าวจะทำได้ก็ต่อเมื่อสามารถอุดช่องอุโมงค์ที่เปิดอยู่ได้แล้วเท่านั้น ในเบื้องต้นมีการใช้กระสอบทรายเพื่ออุดช่องดังกล่าว แต่มีวัสดุกีดขวางน้ำหนักมากถึงประมาณ 34 ตัน ซึ่งไม่สามารถยกออกได้
ด้วยเหตุนี้ ทีมงานจึงต้องใช้ปูนคอนกรีตเทลงไปเสริมทับกระสอบทราย โดยคอนกรีตที่เลือกใช้มีกำลังอัดประมาณ 150 KSC ซึ่งถือเป็นกำลังอัดที่ไม่มาก เหตุผลที่ต้องเลือกคอนกรีตที่มีกำลังอัดไม่สูง เพราะต้องคำนึงถึงขั้นตอนการรื้อออกในภายหลัง เพื่อให้สามารถก่อสร้างอุโมงค์รถไฟฟ้าต่อไปได้ คาดการณ์ว่าการเทคอนกรีตเพื่ออุดช่องอุโมงค์ในครั้งนี้อาจต้องใช้ปริมาณคอนกรีตนับพันคิว ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับปริมาณดินที่ไหลลงไปในอุโมงค์แล้ว มีอยู่ประมาณ 7,000-8,000 คิว
นายชัชชาติชี้แจงถึงเหตุผลที่ต้องเร่งเทคอนกรีตในวันนี้ เนื่องจากมีความกังวลว่าหากมีฝนตกลงมา จะส่งผลให้ดินสไลด์ตัวเข้าไปในอุโมงค์เพิ่มขึ้นอีก การเทคอนกรีตจึงเป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยบรรเทาปัญหาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ได้มีการเตรียมกระสอบทรายไว้กั้นน้ำฝนจากภายนอกไม่ให้ไหลลงไปในอุโมงค์แล้ว ซึ่งจะมีเพียงปริมาณฝนที่ตกลงสู่อุโมงค์โดยตรงเท่านั้น คาดว่ามีปริมาณไม่มาก
หลังจากที่กระบวนการเทคอนกรีตปิดอุโมงค์เสร็จสมบูรณ์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเทวัสดุหินคลุกลงไปและทำการบดอัดเป็นชั้น ๆ ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงระดับพื้นถนน ก่อนที่จะมีการเทวัสดุปิดทับเพื่อคืนผิวจราจร อาจจะต้องดำเนินการเรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นให้เสร็จสิ้นก่อน เช่น การวางท่อประปา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาต้องรื้อถนนเพื่อสร้างระบบสาธารณูปโภคอีกครั้งในภายหลัง
เมื่อมีการเทวัสดุปิดทับและคืนสภาพเดิมของพื้นที่ทั้งหมดแล้ว จึงจะมีการแก้ไขและปรับปรุงอุโมงค์รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้จุดนี้ต่อไป ซึ่งคาดการณ์ว่าจะใช้เวลาอีกนานพอสมควร
นายชัชชาติได้เน้นย้ำว่า แผนการดำเนินการทั้งหมดที่กล่าวมา ทั้งในส่วนการใช้กระสอบทรายและการเทปูน เป็นแผนงานของทีมงานจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และผู้รับผิดชอบโครงการ ส่วนกรุงเทพมหานคร (กทม.) นั้นมีบทบาทเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้น พร้อมกันนี้ ผู้ว่าฯ กทม. ได้ขอให้ทุกฝ่ายให้เวลาในการดำเนินงานอย่างเต็มที่และปลอดภัยที่สุด โดยไม่ควรกดดันทีมงานมากเกินไป และขอให้ทีมงานดำเนินการอย่างเต็มที่เพียงรอบเดียวโดยไม่จำเป็นต้องกลับมาทำซ้ำซ้อน