กำนัน-ผู้นำชุมชน-ชาวบ้าน บุกตะครุบรวบตัวชาย 3 ราย กลางดึก ขณะลักลอบใช้สว่านเจาะต้นปาล์มเพื่อหวังให้ยืนต้นตายในพื้นที่ป่าสวนปาล์มหมดสัมปทานของบริษัทเอกชนกว่า 10 ปี จำนวนกว่า 23,000 ไร่ ป่าสงวนแห่งชาติป่ารับร่อและป่าสลุย ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สลุย ดำเนินคดี พร้อมของกลางหลายรายการ

วันที่ 25 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 24 ก.ย.68 เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชพ.9 (สามปาก)ชพ.10 (จันทึง) ร่วมกับเจ้าหน้าที่สนธิกำลัง ตามหนังสือสำนักจัดการ ทรัพยากรป่าไม้ที่ 11 (สุราษฎร์ธานี) ที่ ทส. 16244/5848 ลงวันที่ 28  สิงหาคม 2568 เรื่อง ให้ดำเนินการตรวจ ตราเฝ้าระวัง ควบคุม กำกับ ดูแล พื้นที่สิ้นสุดอายุการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่า (พื้นที่หมดอายุสัมปทาน สวนปาล์มน้ำมัน)

ต่อมาเวลา 20.41 น. จนท.หน่วยป้องกันรักษาป่าฯได้รับการประสานทางโทรศัพท์จากนายทรงพจน์ จิตรเจริญ กำนันตำบลหงษ์เจริญ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ว่าได้ควบคุมตัวชายจำนวน 3 คน บริเวณพื้นที่บ้านเขาพระเจ้า หมู่ที่ 10  ตำบลหงษ์เจริญ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร เมื่อคณะเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงพื้นที่บริเวณดังกล่าว  กำนันได้บอกกับเจ้าหน้าที่ว่าได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเห็นชายทั้ง 3 คน เข้าไปในพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันของบริษัทเอกชน เป็นพื้นที่สิ้นสุดอายุการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่า ได้ใช้สว่านมือถือ (แบตเตอรี่) เจาะต้นปาล์มน้ำมันเพื่อหยอดสารเคมี และปล่อยให้ยืนต้นตาย 

จากนั้นเจ้าหน้าที่ จึงร่วมกันตรวจสอบพื้นที่เบื้องต้นพบต้นปาล์มที่โดนเจาะไปแล้วนับจำนวน ได้ประมาณ 5 ต้น และยังเหลืออีก จำนวนหลายต้นที่ตรวจสอบไม่ได้เนื่องจากช่วงเวลาในขณะนั้นเป็นเวลากลางคืน และพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 110 สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จํานวน 1 คัน พบสว่านมือถือพร้อม ตอกเจาะจำนวน 3 ตัว พบแกนลอนสีแดงที่ใช้ใสน้ำและสารเคมี จำนวน 2 แกนลอน และถังพ่นยาแบบสะพายหลัง ขนาด 20 ลิตร 3 ถัง ซึ่งอุปกรณ์ของกลางที่ตรวจพบทั้งหมดพร้อมชายทั้ง 3 รายทราบชื่อภายหลังคือ ชื่อ 1.นายประทีป อายุ 64 ปี อยู่หมู่ที่ 17 ตำบลนาสัก อ.สวี จ.ชุมพร  2.นายนิมิตร อายุ 61 ปี อยู่หมู่ที่ 3 ตำบลวังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร 3.นายสัญญา อายุ 51 ปี อยู่หมู่ที่ 4 ตำบลบางมะพร้าว อ.หลังสวน จ.ชุมพร 

ซึ่งการกระดังกล่าวเป็นการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ฐานความผิด ฐานก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี วรรคหนึ่ง ฐานยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แล้วถาง  นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สลุย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนมูลค่าความเสียหายของรัฐ อยู่ระหว่างตรวจสอบ