ศาลยกฟ้อง "กฤษณ์ ณรงค์เดช" คดียักยอกทรัพย์กองมรดก พร้อมขอบคุณศาลให้ความเป็นธรรม

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 25 กันยายน 2568 ที่ห้องพิจารณา 806 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.599/2567 ที่ นายณพ ณรงค์เดช นักธุรกิจชื่อดัง ลูกชายคนกลางตระกูล "ณรงค์เดช" เป็นโจทก์ฟ้อง นายกฤษณ์ ณรงค์เดช พี่ชายคนโต เป็นจำเลย ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์กองมรดก

กรณีนายกฤษณ์ จำเลย ในฐานะเป็นผู้จัดการมรดก ได้ยักยอกเงินที่ได้รับจากการขายที่ดินของกองมรดก ดร.ถาวร พรประภา และคุณหญิง พรทิพย์ พรประภา บิดา-มารดา โดยการโอนเงินจำนวนดังกล่าวไปยังบัญชีส่วนตัวของจำเลยเอง โดยไม่เคยแจ้งเรื่องดังกล่าวให้โจทก์ทราบ ต่อมาเมื่อโจทก์ตรวจสอบพบจึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทำหน้าที่ผู้จัดการมรดกของโจทก์ จำเลย และทายาทโดยรับรู้กันว่าจะนำเงินกองมรดกไปซื้อที่ดินที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท โดยจำเลยได้ออกเงินสำรองไปก่อนส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ จำเลยยังเอื้อเฟื้อจ่ายค่าโอนที่ดิน ค่าภาษีเอง และภายหลังเมื่อขายที่ดินกองมรดกนี้ได้ จำเลยก็ได้หักเงินเข้าบัญชีของตนเอง ซึ่งเป็นส่วนของจำเลยที่ชำระไปก่อนหน้านี้ ซึ่งสามารถทำได้ นอกจากนี้ในส่วนที่เหลือกำไรสุทธิ 14 ล้านบาท จำเลยก็ได้แบ่งให้โจทก์ และทายาทที่เหลือไปแล้วคนละ 4 ล้านบาทเศษ การกระทำของจำเลยจึงไม่มีเจตนายักยอกทรัพย์กองมรดกแต่อย่างใด ข้อต่อสู้ของจำเลยมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ หักล้าง พยานหลักฐานโจทก์ พิพากษายกฟ้อง

ทั้งนี้ ภายหลัง นายณพ โจทก์ กล่าวว่า "ตามที่ท่านได้เห็นตามข่าวที่มีการกล่าวอ้างว่า ตัวผมนั้น กระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์มรดกต่างๆนั้น ก่อนอื่นผมขอกราบเรียนทุกท่านให้ทราบว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมาผมเลือกที่จะเงียบ เนื่องจากผมไม่อยาก ก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรม และในวันนี้ศาลท่านได้ตัดสินให้ผมเป็นผู้บริสุทธิ์ มิได้เป็นไปตามคำกล่าว หา และภาพลักษณ์ที่ถูกยัดเยียดให้ วันนี้เหมือนฟ้าหลังฝน ผมขอกราบขอบพระคุณศาลฯที่เคารพเป็นอย่างมาก รวมถึงสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่ อย่างเป็นกลาง ขอบคุณคุณพ่อที่เชื่อมั่นในตัวผมในฐานะลูกคนโต ที่เชื่อว่าผมไม่เคยรังแกใคร  ขอบคุณ น้องชาย คุณกรณ์ฯ ที่อยู่เคียงข้างและเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ กำลังใจจากครอบครัว ญาติผู้ใหญ่ เพื่อนๆ พันธมิตร รวมถึงบุคคลอีกมากมายที่ผมไม่รู้จัก แต่เชื่อมั่นในตัวผม และส่งกำลังใจให้ผมมาโดยตลอด ผมซาบซึ้งใจอย่างมาก”

“จากนี้ผมขอทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับธุรกิจและงานมูลนิธิฯของคุณแม่ ส่วนเรื่องคดีความต่างๆที่คุณพ่อ ดร.เกษม ณรงค์เดช  ผม และน้องชายกรณ์ เป็นฝ่ายโจทย์ และมีคำพิพากษาชนะในชั้นศาลแล้วนั้น ขอให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม และกระบวนการอื่นๆของศาลต่อไป สุดท้ายนี้ไม่ว่าผมจะเผชิญเหตุการณ์มากมายขนาดไหน ผมยังเชื่อคำที่คุณแม่ คุณหญิงพรทิพย์ฯ ที่ได้อบรม สั่งสอนมาตลอดว่า ความกตัญญูรู้คุณ และความดีจะเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดของเรา"