"พิพัฒน์-มัลลิกา" เข้ากระทรวงคมนาคมวันแรก เตรียมพิจารณา “รถไฟฟ้า 20 บาท” ใหม่ ศึกษาผลกระทบ สนองนโยบายรัฐบาล หรือไม่ ขอเวลา 2 สัปดาห์รู้ผล ก่อนชงครม.ฟันธงอีกครั้ง รถไฟสายสีแดง-สายสีม่วง กลับไปจ่ายอัตราปกติ ตั้งแต่ 1 ตุลาคมนี้
วันที่ 25 กันยายน 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เข้าปฏิบัติหน้าที่วันแรก ณ กระทรวงคมนาคม หลังพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณของคณะรัฐมนตรี โดยมี นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงฯ และหน่วยงานในสังกัด ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ให้การต้อนรับ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกฯและรมว.คมนาคม เผยว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เริ่มต้นทำงานร่วมกันกับทุกหน่วยงานในสังกัด คมนาคม โดยตั้งใจจะผลักดันนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่จะแถลงในสัปดาห์หน้า ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทยให้ปลอดภัย สะดวก และเชื่อมโยงการเดินทางทุกมิติ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องแรกมาตรการรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดง 20 บาทตลอดสายนั้น จะมีการสานต่อหรือไม่ เพราะจะสิ้นสุดมาตรการในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดก่อนได้มีมติขยายมาตรการรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงถึงวันที่ 30 กันยายน 2569 แต่เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล จำเป็นต้องนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณา ครม.อีกครั้ง เพราะต้องศึกษาให้รอบด้าน ให้เกิดความรอบคอบ และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ดังนั้นในระหว่างการพิจารณา ประชาชนจะต้องจ่ายค่าโดยสารในอัตราปกติไปก่อน ซึ่งเริ่มวันที่ 1 ตุลาคม 2568 และคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ หลังการแถลงนโยบายของรัฐบาล เพื่อประกาศมาตรการที่ชัดเจนให้ประชาชนทราบ
"ขอให้ประชาชนใจเย็น และย้ำว่านโยบายของรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้จำกัดเพียงแค่รถไฟฟ้าเท่านั้น แต่จะพิจารณาให้ครอบคลุมการเดินทางในทุกมิติ ทั้งรถโดยสารประจำทาง และที่สำคัญ คือค่าผ่านทางด่วน เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางของประชาชนในภาพรวม ซึ่งภายในระยะเวลา 4 เดือนจากนี้ ประชาชนจะได้เห็นมาตรการเร่งด่วนด้านการลดภาระค่าครองชีพ โดยกระทรวงคมนาคมจะจัดทำเป็นชุดมาตรการพิเศษครอบคลุมการเดินทางทุกระบบ"
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ส่วนโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่รอการพิจารณายืนยันว่าจะเดินหน้าโครงการรถไฟรางคู่ทั้ง 3 เส้นทางหลัก ได้แก่ สายอีสาน (นครราชสีมา-หนองคาย) สายเหนือ (นครสวรรค์-เชียงใหม่) และสายใต้ (ชุมพร-ปาดังเบซาร์) ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถนำเข้า ครม.ได้ภายใน 4 เดือนนี้อย่างแน่นอน และสำหรับโครงการแลนด์บริดจ์ ขอเวลาศึกษาในรายละเอียดอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อ แม้จะมีทั้งผู้สนับสนุนและผู้คัดค้าน เพื่อพัฒนาการเชื่อมต่อเส้นทางเศรษฐกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช กล่าวว่า จะร่วมมือกับท่านรองนายกรัฐมนตรีฯ และทีมผู้บริหารผลักดันงานสำคัญของกระทรวงคมนาคม เพื่อให้ระบบการขนส่งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ ยกระดับมาตรฐานและบริการที่ดียิ่งขึ้น ให้ประชาชนเดินทางได้สะดวก ปลอดภัย และทั่วถึง เพื่อให้กระทรวงคมนาคมเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับการเดินทางของประชาชน และสนับสนุนการพัฒนาประเทศต่อไป