โค้งสุดท้ายแล้ว! สำหรับการหาเลียงการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สวนพริกไทย จังหวัดปทุมธานี ที่ทุกฝ่ายต่างจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นหนึ่งในสนามการเมืองท้องถิ่นที่ร้อนแรงที่สุด และจะชี้ชะตาผู้นำท้องถิ่นคนใหม่ในวันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2568

การแข่งขันครั้งนี้มีผู้สมัคร 2 รายที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ได้แก่ นายอนันต์ ปัญญาสมบัติ หมายเลข 1 อดีตประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลสวนพริกไทย จากกลุ่ม “สวนพริกไทยก้าวหน้า” และนายคูณเรียม ปัทสีสร้อย หมายเลข 2 อดีตสมาชิกสภาจังหวัดปทุมธานี จากกลุ่ม “สวนพริกไทยพัฒนา”

นายอนันต์ ปัญญาสมบัติ ผู้สมัครหมายเลข 1 ชูนโยบายเน้นประสบการณ์ด้านการบริหาร พร้อมพัฒนาชุมชนให้เกิดความก้าวหน้า มุ่งเน้นความต่อเนื่องในเชิงนโยบายที่ตนเองเคยวางรากฐานไว้ก่อนหน้านี้ ทว่าการขาดแรงสนับสนุนจากนักการเมืองระดับประเทศในรอบนี้ กลับส่งผลต่อกระแสไม่น้อย

ในทางตรงกันข้าม นายคูณเรียม ปัทสีสร้อย ผู้สมัครหมายเลข 2 สร้างสีสันในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยสโลแกน “กล้าคิด กล้าทำ กล้าพัฒนา” โดยประกาศชัดเจนว่าพร้อมผลักดันตำบลสวนพริกไทยให้เป็นชุมชนน่าอยู่อย่างยั่งยืน ครอบคลุมทั้งเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชน

เมื่อมองภาพรวมในช่วงโค้งสุดท้าย คะแนนความนิยมของนายอนันต์กลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งมาจากการถูกวิจารณ์ว่า การบริหารในอดีตไม่สามารถสร้างการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ประกอบกับผู้นำท้องถิ่นและแกนนำหลายกลุ่มตัดสินใจเปลี่ยนขั้ว มาร่วมสนับสนุนนายคูณเรียมแทน

ขณะที่นายคูณเรียมถือว่าได้เปรียบในเชิงภาพลักษณ์ เพราะเป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่ไม่มีเรื่องด่างพร้อย มีผลงานชัดเจน และถูกมองว่าเป็นคนสุภาพ จริงใจ ตลอดจนขยันลงพื้นที่พบปะชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้ได้สร้างกระแสการยอมรับและความนิยมที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

การเดินหาเสียงแบบถึงตัว ทำให้ชื่อเสียงของนายคูณเรียมแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในทุกหมู่บ้าน เกิดกระแส “อยากให้โอกาส” เพื่อให้ได้เข้ามาบริหารจัดการท้องถิ่นในมิติใหม่ ๆ ที่แตกต่างจากเดิม การสร้างภาพลักษณ์ “ใจถึง พึ่งได้” ช่วยให้กลายเป็นตัวเลือกที่ชาวบ้านเชื่อมั่น

ประชาชนจำนวนมากสะท้อนตรงกันว่า ต้องการผู้นำที่แก้ไขปัญหาได้จริง สร้างความสมัครสมานสามัคคี และพัฒนาตำบลให้ก้าวทันยุคสมัย ไม่ใช่เพียงการรักษาสถานะเดิม นโยบายที่จับต้องได้และลงมือทำได้จริงจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ชี้ขาดในสนามเลือกตั้งครั้งนี้

ในแง่กลยุทธ์ทางการเมือง การที่ผู้นำชุมชนหลายรายพลิกขั้วมาอยู่ฝั่งนายคูณเรียม ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะทำให้โครงสร้างการสนับสนุนในระดับฐานรากแข็งแกร่งมากขึ้น การมีทีมงานที่พร้อมลุยและเข้าถึงประชาชนได้จริง ยิ่งช่วยเพิ่มความได้เปรียบ

แม้ว่านายอนันต์ยังคงอ้างถึงประสบการณ์และความต่อเนื่อง แต่การเมืองท้องถิ่นปัจจุบันไม่ได้วัดกันเพียงแค่ประสบการณ์ หากแต่ประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลงที่เห็นผลเป็นรูปธรรม ดังนั้นหากไม่สามารถสร้างกระแสใหม่ ๆ ได้ทันเวลา ก็มีโอกาสที่จะถูกทิ้งห่าง

บรรยากาศการหาเสียงในพื้นที่สวนพริกไทยช่วงนี้เต็มไปด้วยความเข้มข้น ป้ายหาเสียง ปราศรัย และกิจกรรมพบปะประชาชนปรากฏอย่างคึกคักทุกวัน โดยเฉพาะฝ่ายนายคูณเรียมที่เดินสายไม่หยุด จนเกิดกระแส “เห็นใจ” และ “อยากให้โอกาส” อย่างชัดเจน

สิ่งที่น่าสนใจ คือ การเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนความต้องการของประชาชนที่อยากเห็นการพัฒนาในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน คุณภาพชีวิต หรือการส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ และผู้สมัครที่สามารถสื่อสารได้ชัดเจนว่ามีแผนปฏิบัติที่เป็นจริงได้ ย่อมได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด

ในมุมของการเมืองท้องถิ่น จังหวัดปทุมธานีถือเป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูง การเลือกตั้ง อบต. สวนพริกไทยในครั้งนี้จึงเป็นบทพิสูจน์ว่า ประชาชนพร้อมเปลี่ยนผู้นำ หากผู้นำคนเดิมไม่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างแท้จริง

ในช่วงไม่กี่วันสุดท้ายก่อนหย่อนบัตร บรรยากาศในพื้นที่เต็มไปด้วยการจับตาและการคาดการณ์ว่า “คูณเรียม” จะสามารถรักษากระแสและสร้างแรงหนุนจนถึงวันเลือกตั้งได้หรือไม่ ขณะที่ฝ่าย “อนันต์” ต้องเร่งทวงคืนความเชื่อมั่นจากชาวบ้านในเวลาที่เหลืออยู่อันจำกัด

ท้ายที่สุดแล้ว วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2568 จะเป็นวันที่ชาวสวนพริกไทยได้แสดงพลังตัดสินใจ ว่าใครจะได้เข้ามาเป็นผู้นำท้องถิ่นคนใหม่ เพื่อขับเคลื่อนตำบลไปข้างหน้าอย่างแท้จริง


#เลือกตั้งอบต #คูณเรียมสวนพริกไทย #การเมืองท้องถิ่น #อบตปทุมธานี #ข่าวการเมือง #เลือกตั้งท้องถิ่น #อบตสวนพริกไทย #ปทุมธานี #อนันต์คูณเรียม #การเมืองท้องถิ่น #เปลี่ยนผู้นำ #โค้งสุดท้าย