เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 กองป้องกันชายแดนที่ 501 ภูมิภาคทหารที่ 5 ส่งหนังสือตอบกลับข้อเสนอจากหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด อย่างเป็นทางการ หลังการประชุมระดับพื้นที่เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา โดยยอมรื้อถอนบ้าน 1 หลัง และแก้ไขคูสนามตามข้อเรียกร้อง แต่ปฏิเสธที่จะรื้อบ้านประชาชนอีก 2 หลัง ในสวนยางพารา โดยระบุให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ในการพิจารณา โดยเอกสารดังกล่าว ลงวันที่ 22 กันยายน 2568 และลงนามโดย พันเอก จัน บุนดี ผู้บังคับกองป้องกันชายแดนที่ 501 ภูมิภาคทหารที่ 5 กองทัพกัมพูชา ส่งถึง นาวาเอก ภริศวร์ วงษ์เพ็ญศรี ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด เพื่อตอบประเด็นจากการประชุมหารือระหว่างรองผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 5 กัมพูชา และเสนาธิการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดของไทย ณ จุดตรวจร้อย.ทพ.นย.531 บ้านท่าเส้น จ.ตราด เนื้อหาในหนังสือระบุถึงข้อเสนอ 3 ข้อที่ฝ่ายไทยได้ยื่นต่อฝ่ายกัมพูชา และการพิจารณาตอบกลับของฝ่ายกัมพูชา
ข้อเสนอที่ 1 ปัญหาบ้าน 5 หลัง ที่โอร์พลุกด็อมเรย ไทยเสนอให้ฝ่ายกัมพูชารื้อถอนบ้าน จำนวน 2 หลังออกจากพื้นที่ดังกล่าว บริเวณพิกัด TU(50640-45701) ฝ่ายกัมพูชา เห็นชอบ ให้ทำการรื้อถอนบ้านจำนวน 1 หลัง ตามข้อเสนอของฝ่ายไทยที่ให้รื้อ 2 หลัง
ข้อเสนอที่ 2 ปัญหาแนวคูสนามของจุดตรวจตำรวจตระเวนชายแดน ช่องทางเจยจุมเนียะ (จอมวย) ไทยเสนอ ให้ฝ่ายกัมพชากลบคูสนามดังกล่าว เพื่อให้พื้นที่กลับสู่สภาพเดิม บริเวณพิกัด TU (51601-52015) กัมพูชา ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงด้านเทคนิคคูสนามของจุดตรวจดังกล่าวตามข้อเสนอของฝ่ายไทย
ข้อเสนอที่ 3 ปัญหาบ้านประชาชน 2 หลัง ในสวนยางพารา ไทยเสนอ ให้ฝ่ายกัมพูชารื้อถอนบ้านทั้ง 2 หลัง บริเวณพิกัด TU (51745-52744) กัมพูชา ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าบ้านดังกล่าวเป็นของประชาชน และเนื่องจากปัญหาเขตแดนยังไม่มีความชัดเจน จึงเสนอให้เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) เพื่อพิจารณาแก้ไขในโอกาสต่อไป
ในหนังสือทางการกัมพูชา ระบุว่า ปัญหาที่ฝ่ายไทยเสนอล้วนเป็นปัญหาเก่าที่ยังคั่งค้าง และเนื่องจากรัฐบาลทั้งสองประเทศได้จัดตั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ขึ้นมาแล้ว ดังนั้นปัญหาที่ยังไม่มีความชัดเจนจึงสมควรให้เป็นหน้าที่ของ JBC เป็นผู้แก้ไขตามกฎหมายของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ เอกสารยังได้ย้ำถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ ที่มีการติดต่อประสานงานกันอย่างใกล้ชิดและร่วมมือแก้ไขปัญหาโดยยึดหลักสันติวิธีมาโดยตลอด โดยหนังสือฉบับนี้ได้ถูกส่งต่อเพื่อให้ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดได้รับทราบต่อไป
อย่างไรก็ตาม นาวาเอก ภริศวร์ วงษ์เพ็ญศรี ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ยังไม่ได้ไม่ได้หลักฐานการกลบคูเลต และบ้าน 1 หลังที่ทางฝ่าย พันเอก จัน บุนดี ผู้บังคับกองป้องกันชายแดนที่ 501 ภูมิภาคทหารที่ 5 กองทัพกัมพูชา ส่งหนังสือมาแจ้ง โดยทางฝ่ายไทยโดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด และชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 3 เขาล้าน จะทำการตรวจสอบในเรื่องนี้ต่อไป และหากพบว่าเป็นจริงจะได้มีการแจ้งให้สื่อมวลชนทราบต่อไป
ก่อนหน้านี้ นายโคย รีดา ผู้ว่าราชการจังหวัดโพธิสัตผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ราชอาณาจักรไทย ทำหนังสือถึงนายณัฐพงษ์ สงวนจิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 เรื่อง : กรณีที่ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ได้ให้ข้อมูล ซึ่งมีการเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ ของไทยโดยได้กล่าวหาว่าฝ่ายกัมพูชามีการรุกล้ำดินแดนของไทย จำนวน 3 แห่ง
โดยระบุว่า ตามเรื่องในข้างต้น กระผมขอเรียนให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ได้ทราบว่า เมื่อเร็วๆนี้ สื่อของไทยจำนวนหนึ่ง ได้เผยแพร่ข้อมูลที่ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ได้กล่าวว่า กัมพูชาได้รุกล้ำดินแดนของไทย จำนวนหนึ่ง ได้เผยแพร่ข้อมูลที่ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ได้กล่าวว่า กัมพูชาได้รุกล้ำดินแดน ของไทย จำนวน 3 แห่ง
จุดที่ 1 บริเวณพิกัด TU 51761-53032
จุดที่ 2 บริเวณพิกัด TU 51742-52745
จุดที่ 3 บริเวณพิกัด TU 51649-52056) ซึ่งอยู่ในพื้นที่ บ้านแอกกะเพียบ ตำบล ทมอดา อำเภอเวียลเวง จังหวัดโพธิสัต ราชอาณาจักรกัมพูชา ตรงข้ามกับ บ้านชำราก ตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด ราชอาณาจักรไทย
“ จังหวัดโพธิสัต รู้สึกเสียใจและกังวลเกี่ยวกับการให้ข้อมูลของ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ซึ่งทำให้บุคคลทั่วไป และนานาชาติ อาจมีการเข้าใจผิด สำหรับการกล่าวหาดังกล่าวต่อฝ่ายกัมพูชา ว่ามีการละเมิดบันทึกความเข้าใจ ปี 2543 (MOU 2543) จังหวัดโพธิสัต ขอปฏิเสธโดยสิ้นเชิง และขอเน้นย้ำว่าพื้นที่ที่ฝ่ายไทยกล่าวหาดังกล่าว เป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตอธิปไตยของกัมพูชา รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและพืชผลทั้งหมด ประชาชนกัมพูชาได้สร้างขึ้นและเพาะปลูกขึ้นก่อนมีบันทึกความเข้าใจ ปี 2543 (MOU 2543)”ผู้ว่าราชการจังหวัดโพธิสัต ระบุในรายละเอียดหนังสือถึงผู้ว่าราชการจ.ตราด และแจ้งในช่วงท้ายของหนังสืออีกว่า
“จึงขอให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เข้าร่วมประสานงานแก้ไขและป้องกันไม่ให้มีการให้ข้อมูลและประชาสัมพันธ์ข่าวสารที่ไม่เป็นความจริงแบบนี้ต่อไปอีกเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน เพื่อให้สอดคล้องตามข้อตกลงหยุดยิง วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 และผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 และ วันที่ 10 กันยายน 2568 และผลการประชุมคณะกรรมการชายแดน ส่วนภูมิภาค (RBC) โดยให้หลีกเลี่ยงการดำเนินการใดๆที่อาจทำให้สถานการณ์ของทั้งสองประเทศของเรา มีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นไปอีก”