วันที่ 24 กันยายน 2568  พ.ต.อ.ภุชงค์ ณรงค์อินทร์ ผกก.สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี  ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ศิริสุข คำสุข รอง ผกก.สส พร้อมชุดสืบสวนของสภ.โพธาราม ทำการวางแผนจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่จะมารับเงินสดจากผู้เสียหายที่บริเวณวัดแห่งหนึ่ง ในต.คลองตาคต  อ.โพธาราม  หลังได้รับแจ้งจากนางสม (นามสมมุติ) อายุ 70 ปี ชาวบ้านใน ต.คลองตาคต ว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ลงทุนในสกุลเงินดิจิตัล  โดยต้องเปิดพอร์ทก่อนซึ่งทางแก๊งคอลจะทำการสอนในการเปิดและต้องมีรหัสในการเปิดเข้าไปดูเงินในพอร์ท  ทำให้หลงเชื่อซึ่งครั้งแรกที่ลงทุนใช้วิธีโอนเงินไป แล้วได้กำไรพร้อมกับเงินที่ลงทุนไป  แต่ครั้งต่อไปไม่สามารถโอนเงินได้  ทางแก๊งคอลจึงขอมารับเงินสดเพื่อนำไปเข้าในพอร์ทให้กับผู้เสียหาย  โดยครั้งแรกมารับเงินสดจำนวน 500,000  บาท  ซึ่งหลังจากรับแล้วยอดเงินในพอร์ทของผู้เสียหายก็ขึ้นมาจริง  จึงทำให้มีการหลอกให้ร่วมลงทุนเพิ่มอีกครั้งที่ 2  จำนวนเงิน 500,000 บาท  และมานัดรับที่วัดเดิม  ต่อมาผู้เสียหายจะเบิกเงินทุนที่ลงไปคืน แก๊งคอล ก็อ้างว่าจะต้องลงทุนอีก 888,800  บาท เพื่อจะได้ถอนเงินออกมาได้ทั้งหมดจำนวน 3 ล้านบาท  ทำให้ผู้เสียหายต้องมาแจ้งความ  และหลอกให้แก๊งคอลมารับเงินในจุดเดิม  โดยให้ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเข้าซุ่มจับกุม ภายหลังจากได้มีการมอบเงินให้แล้ว  ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการถ่ายสำเนาธนบัตรไว้ทั้งหมดแล้ว   โดยนัดหมายในวันนี้(24 ก.ย.68 )ช่วงเย็น  จนเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมแก๊งคอลได้ทั้งสองคน คือนายภาส( สงวนนามสกุล) และนายปัณ(สงวนนามสกุล) พร้อมของกลางเงินสดที่ผู้เสียหายนำไปให้และตรวจยึดรถยนต์ ยี่ห้อ BMW สีขาว หมายเลขทะเบียน ฌม-423 กรุงเทพฯ  ซึ่งเป็นรถที่ใช้ในการกระทำความผิดไว้ด้วย  โดยตั้งข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกง ฉ้อโกงประชาชน โดยหลอกลวง นำเข้าระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย  


    
ด้านนายเอ  ลูกชายของนางสม (นามสมมุติ)ผู้เสียหาย เผยว่า เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมาแม่ได้รับการติดต่อทางไลน์เรื่องการขายรถยนต์  ซึ่งแม่ของตนก็ปฎิเสธบอกว่าไม่ได้ขายรถ  ทำให้แก๊งคอลขอโทษและอ้างว่าอาจจะเข้าใจผิด  หลังจากนั้นก็มีการพูดคุยกันเรื่อยมา มีการสอบถามสารทุกข์สุกดิบ แม่พูดจาดีออดอ้อนแม่ขอให้รับเป็นลูกชายอีกคน  ส่งข้อความเป็นห่วงแม่มาทุกวัน  จนวันหนึ่งก็ชักชวนให้แม่ลงทุนให้สกุลเงินดิจิตัล  โดยบอกว่าเป็นระบบที่ถูกกฎหมาย  โดยสอนให้แม่สมัครพอร์ตก่อนและมีรหัสเปิดเข้าเป็นของตนเองซึ่งจะต้องสมัครผ่าน ไลน์ชื่อ E-krona(yoyo)  อีกัวน่าโยโย่  และให้แม่ลองโอนเงินไปครั้งแรกโอนไป 20,000 บาท หลังจากนั้นก็ได้รับเงินต้นและดอกเบี้ยคืนมา โดยโอนเข้าบัญชีแม่  ทำให้แม่หลงเชื่อ และครั้งต่อมาก็ชวนลงทุนอีก 30,000 บาท  แต่เนื่องจากบัญชีธนาคารของแม่จำกัดวงเงิน  ทางแก๊งคอลก็แนะนำให้แม่ไปขอเพิ่มวงเงินที่ธนาคาร แต่ธนาคารไม่อนุมัติเพราะเห็นว่าอายุมากแล้ว  ทำให้แก๊งคอลเปลี่ยนจากการโอนเป็นขอมารับเงินสดแทนโดยจะขอมารับเงินสดจำนวน 500,000  บาท แทนเพื่อนำไปเข้าในพอร์ตของแม่  ซึ่งเมื่อแก๊งคอลมารับเงินสดไปแล้วแม่ก็เข้าไปเช็คในพอร์ตก็พบว่ามียอดเงินจำนวน 500,000 บาท จริงและยังมีดอกเบี้ยเพิ่มมาอีก   ต่อมาแก๊งคอลก็ขอให้แม่ลงทุนอีกเพราะตอนนี้ดอกเบี้ยกำลังดี  ทำให้แม่หลงเชื่อและนัดมารับเงินสดจำนวน 500,000 บาท อีกครั้งที่วัดเดิมรวมเป็นเงินสดที่ให้แก๊งคอลไปจำนวน 1 ล้านบาท  ซึ่งแม่ก็เริ่มรู้สึกว่าเงินมากเกินไปจึงอยากจะถอนเงินออกจากพอร์ต  แต่แก๊งคอลก็บอกว่าต้องนำเงินเข้าไปในพอร์ตอีกจำนวน 888,800  บาท เพื่อจะทำการปลดล็อคแล้วสามารถถอนเงินได้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยรวม  3 ล้านบาท  แต่เนื่องจากแม่ไม่มีเงินแล้ว  จึงมาปรึกษากับลูก  จึงทำให้ลูกๆของแม่รู้เรื่องและเชื่อว่าน่าจะเป็นแก๊งคอลแน่  จึงได้มาปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจและทำการซ้อนแผนให้แก๊งคอลมารับเงินสดที่วัดเดิม  และสามารถจับกุมแก๊งคอลได้ 2 คน ดังกล่าว  ซึ่งก็อยากจะเตือนผู้สูงอายุว่าอย่าไปหลงเชื่อคนที่มาชักชวนให้ลงทุนหากมีคนมาชักชวนให้สอบถามลูกหลานก่อนอย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ