ชื่อของ “นายกชาย – เดชอิศม์ ขาวทอง” อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต ส.ส.สงขลา กำลังถูกจับตามากที่สุดในเวลานี้ หลังมีกระแสข่าวว่าได้รับการทาบทามให้ย้ายไปอยู่กับพรรค กล้าธรรม แม้เจ้าตัวจะออกมาปฏิเสธผ่านโซเชียลว่ายังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์
แต่ความเคลื่อนไหวเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อ “เสธหิ – หิมาลัย ผิวพรรณ” สมาชิกใหม่ของพรรคกล้าธรรม ยอมรับเองว่าได้พูดคุยกับเดชอิศม์จริง ในฐานะเพื่อนที่สนิทมานาน แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป พร้อมทิ้งประโยคสำคัญว่า “เรื่องนี้ต้องให้นายกชายตอบเอง”
น่าสนใจคือทิศทางการเมืองของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ที่เดินเกมดึงเสธหิกลับมาร่วมงาน หลังเคยแยกทางไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติตามผู้ใหญ่ที่วางมือจากการเมืองแล้ว มาถึงตอนนี้เสธหิกลับมาตาม “สัญญาใจ” ที่เคยให้ไว้
ทันทีที่เข้าพรรค เสธหิได้รับภารกิจใหญ่ให้ดูแลพื้นที่ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสานบางส่วน และภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดสงขลา หากมองเชิงการเมือง ภารกิจดังกล่าวเชื่อมโยงตรงสู่ฐานเสียงของเดชอิศม์ ชัดเจนว่าเสธหิต้องการ “เชื่อมเครือข่าย” เพื่อดึงเดชอิศม์เข้าสู่กล้าธรรม
สิ่งที่น่าสนใจคือความสัมพันธ์ของทั้งสามคน
เดชอิศม์–ธรรมนัส คบหากันมากว่าสิบปี ตั้งแต่ร.อ.ธรรมนัสยังอยู่พรรคเพื่อไทย เจอกันทีไรก็มักจะชวนไปกินข้าว
เดชอิศม์–เสธหิ รู้จักกันมานานในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องที่ให้ความเคารพ
นี่คือเหตุผลที่หลายฝ่ายเชื่อว่า หากเดชอิศม์จะเลือกเส้นทางใหม่ จุดหมายที่สมเหตุสมผลที่สุดคือพรรค กล้าธรรม
อย่างไรก็ตาม อนาคตทางการเมืองของเดชอิศม์ยังเชื่อมโยงกับ “เสี่ยต่อ – เฉลิมชัย ศรีอ่อน” อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งประกาศชัดว่าจะไม่อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ หลังช่วยเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ในวันที่ 18 ตุลาคม โดยมีสองพรรคในใจคือ กล้าธรรม และ ภูมิใจไทย
หากเดชอิศม์เลือกไปกล้าธรรมจริง เฉลิมชัยอาจเบนเข็มไปภูมิใจไทย เพื่อไม่เดินทับเส้นทางเดียวกัน เพราะก่อนหน้านี้ทั้งคู่ต่างก็มีจังหวะขบเหลี่ยมและปีนเกลียวกันมาเป็นระยะ
ดังนั้น จึงเป็นไปได้สูงว่าทั้งสองจะต้องแยกกันไปคนละทาง แต่ไม่ว่าเดชอิศม์จะเลือกทางใด อนาคตทางการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ก็ดูจะยิ่งตีบตันมากขึ้น
#นายกชาย #เดชอิศม์ขาวทอง #เสธหิ #ธรรมนัส #กล้าธรรม #ประชาธิปัตย์ #ย้ายพรรค #การเมืองไทย #เลือกตั้ง