ตามกรอบระยะเวลาที่ “พรรคประชาธิปัตย์” ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม จะต้องได้ “กรรมการบริหาร” และ “หัวหน้าพรรคคนใหม่” ในห้วงวันที่ 18 ต.ค.68 นี้เป็นอย่างช้า ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนดเอาไว้ว่า เมื่อหัวหน้าพรรคลาออก จะต้องจัดให้มีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ ภายใน 60วัน
ในห้วงเวลาระหว่างนี้ ความเคลื่อนไหวภายในพรรคประชาธิปัตย์ ไปจนถึง “นอกพรรค” ยิ่งคักและเข้มข้น อย่าลืมว่า ความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ นั้นปะทุขึ้นมาหลายครั้งหลายครา ก่อนจะเดินมาถึง “ฟางเส้นสุดท้าย” ที่ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน จะตัดสินใจลาออกจากหัวหน้าพรรคอย่างเป็นทางการ
ทว่าการลาออกของเฉลิมชัย เพื่อเปิดทางให้มีการเลือก “หัวหน้าพรรคคนใหม่” กลับกลายเป็นจุดเริ่มของความขัดแย้งที่หลายฝ่าย ที่เอาใจช่วย เอาใจเชียร์พรรคสีฟ้า คาดหวังว่า อยากเห็น “ศึกใน” สงบลงเพื่อให้พรรคได้เดินหน้าโดยเร็ว เพราะการเลือกตั้งครั้งหน้ามาจ่อคิวกันแล้ว
เมื่อเฉลิมชัย ลาออก เสียงเรียกร้อง ให้ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตหัวหน้าพรรค กลับพรรค เพื่อทำหน้าที่ “หัวหน้าคนใหม่” นำทัพลงสู้ศึกเลือกตั้ง บนความเชื่อมั่นว่าพรรคจะมีโอกาสกลับมาปังอีกครั้ง !
อย่างไรก็ดี ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่ายังไม่มีความชัดเจนจาก เจ้าตัว ว่าจะตัดสินใจกลับพรรคหรือไม่ จะมีก็แต่ อดีตสส.อดีตแกนนำของพรรค ที่เคยทำงานกับอภิสิทธิ์ และกลุ่มสส.ของ “ชวน หลีกภัย” สส.บัญชีรายชื่อ ประเมินแล้วว่านาทีนี้คงไม่มีใคร “พร้อม” มากเท่ากับอภิสิทธิ์ อีกแล้ว
ขณะเดียวกัน อย่าลืมว่าในพรรคยังมีกลุ่มของ “เดชอิศม์ ขาวทอง” เลขาธิการพรรคฯ ซึ่งเป็นกลุ่มที่คุมเสียงสส.ข้างมากเอาไว้ในมือ และเสียงสส.นี่เองที่ถือว่า “มีผล” ต่อการโหวตลงคะแนน ในการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่
และที่ชัดเจนไปมากกว่านั้นคือการที่กลุ่มของเดชอิศม์ ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ กองหนุนอภิสิทธิ์ อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ตัวเดชอิศม์ เองยังมีท่าทีที่สอดคล้องกับ “พรรคเพื่อไทย” เพราะไม่เช่นนั้น เขาเองคงไม่ไปร่วมคณะแกนนำของพรรคเพื่อไทย ร่วมส่งเทียบเชิญ พรรคประชาชนมาร่วมรัฐบาล โดยที่ไม่แจ้งหัวหน้าพรรคอย่างเฉลิมชัย
ความอึมครึมภายในพรรคประชาธิปัตย์ ดำเนินมาพักใหญ่ เมื่อขั้วของเดชอิศม์ ยังปักหลักอยู่กับพรรค ท่ามกลางกระแสข่าวว่า เดชอิศม์ ต้องการดูแลพรรคเอง มากกว่าที่จะปล่อยมือให้กับ ขั้วที่หนุนอภิสิทธิ์ แต่ในเวลาเดียวกัน กลับมีข่าวสะพัดมาอย่างต่อเนื่องว่า “เสธ.หิ” หิมาลัย ผิวพรรณ ซึ่งวันนี้ได้กลายเป็นสมาชิกพรรคกล้าธรรม ของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ได้ทาบทาม เดชอิศม์ ให้มาร่วมงานทางการเมืองกับพรรคกล้าธรรม เสียดีกว่า
ซึ่งประเด็นนี้ เสธ.หิ ยอมรับว่ามีการพูดคุยกันจริง แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าผลการพูดคุยจะนำไปสู่การเข้าร่วมพรรคกล้าธรรมหรือไม่
“ท่านนายกชายเป็นรุ่นพี่ที่เคารพกัน ก็พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันปกติ เรื่องจะมาร่วมงานหรือไม่นั้น ต้องให้ท่านเป็นผู้ตอบเอง” (24 ก.ย.68)
นอกเหนือไปจากความเคลื่อนไหวทางฟากเดชอิศม์ ที่ถูกทาบทามให้ไปอยู่กับร.อ.ธรรมนัส มาพร้อมกับ การออกมายืนยันจาก “โกหนอ” สมชาย โล่ห์สถาพรพิพิธ บ้านใหญ่เมืองตรัง เปิดเผยว่า เขาเองได้พูดคุยกับเฉลิมชัย เจ้าตัวยืนยันว่าจะไม่กลับไปที่พรรคประชาธิปัตย์อีก และขอเวลา 1 สัปดาห์ก่อนชัดเจนว่าจะเลือกเดินหน้าทางการเมืองกับพรรคกล้าธรรม หรือพรรคภูมิใจไทย แต่น่าจะมีความเป็นไปได้ที่พรรคภูมิใจไทย มากกว่า
และสาเหตุที่เฉลิมชัย ไม่กลับพรรคประชาธิปัตย์ และอาจไม่ไปพรรคกล้าธรรม เป็นเพราะทั้งสองจุดนั้นยังมีเงาของเดชอิศม์ ซึ่งไม่สามารถทำงานทางการเมืองด้วยกันได้อีกต่อไป
เท่ากับว่า หากทั้งเดชอิศม์ และเฉลิมชัย เลือกเส้นทาง ทางการเมืองใหม่ ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป โดยหันหลังให้กับพรรคประชาธิปัตย์ อาจทำให้ พรรคประชาธิปัตย์ได้ “หัวหน้าคนใหม่” ที่ชื่ออภิสิทธิ์ อดีตหัวหน้าพรรคสีฟ้า ลำดับที่ 7 ซึ่งจะหวนกลับมานำทัพ ในฐานะ “หัวหน้าพรรคคนที่ 9” รีโนเวทพรรคกันใหม่ ก่อนลงสนามเลือกตั้งในปีหน้า !