ลูกสาวและน้องสาวของนักวิ่งชาวสกลนครที่เสียชีวิตก่อนถึงเส้นชัยเพียง 1 กิโลเมตร ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการคุ้มครองสิทธิ์ฯ กล่าวหาผู้จัดงานวิ่งมินิมาราธอนที่นครพนมขาดความพร้อม ส่งผลให้ช่วยชีวิตไม่ทัน พร้อมยืนยันว่าข่าวที่เผยแพร่หลายสำนักไม่ตรงกับความจริง
เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 น.ส.ณิช (นามสมมติ) อายุ 23 ปี ชาวตำบลนาตาล อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร พร้อมญาติและเพื่อนร่วมงานกว่า 10 คน ของหญิงวัย 45 ปีที่เสียชีวิตจากการวิ่งมินิมาราธอนริมฝั่งโขง ระยะทาง 20 กิโลเมตร ที่จังหวัดนครพนม ได้เข้าร้องเรียนต่อ ดร.ปรัชญา มหาวินิจฉัยมนตรี อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิ์และช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายและการบังคับคดี จังหวัดสกลนคร โดยแพทย์สันนิษฐานเบื้องต้นว่าเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอำเภอเต่างอย เหตุเกิดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 21 กันยายน 2568 และมีกำหนดฌาปนกิจในวันนี้
น.ส.ณิชกานต์ ศรีนวล ลูกสาวผู้เสียชีวิต เล่าว่า มารดาของเธอตัดสินใจเข้าร่วมงานวิ่งมินิมาราธอนที่จัดโดยบริษัทออแกไนซ์แห่งหนึ่ง ระหว่างวิ่งถึงกิโลเมตรที่ 17 ซึ่งเป็นจุดพักถ่ายรูป ได้หยุดถ่ายภาพกับเพื่อน ก่อนเดินต่อไปอีกประมาณ 200 เมตรเพื่อเข้าสู่จุดบริการน้ำดื่มที่กิโลเมตรที่ 18 เพื่อนสังเกตว่าไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งจึงหันกลับไปดู พบว่ามารดาเริ่มมีอาการเดินเซ และมีนักวิ่งหญิงอีกคนเข้ามาช่วยพยุง พร้อมจับชีพจรและนวดมือ แม้ยังพบชีพจร แต่ผู้เป็นแม่ก็หมดสติทันที
เพื่อนนักวิ่งจึงรีบโทรแจ้งตำรวจให้ประสานรถพยาบาล มูลนิธิกู้ภัยและรถโรงพยาบาลปริ้นซ์เข้ามาถึงที่เกิดเหตุ แต่กลับไม่มีเครื่องมือแพทย์หรืออุปกรณ์ช่วยชีวิตติดมาด้วย เพื่อนที่เป็นพยาบาลจึงต้องช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำขึ้นรถพยาบาล อย่างไรก็ตามรถดังกล่าวก็มีอุปกรณ์ไม่ครบถ้วน อีกทั้งยังเลือกเส้นทางอ้อมไปโรงพยาบาล ทั้งที่จากจุดเกิดเหตุถึงโรงพยาบาลนครพนมมีระยะทางเพียง 300 เมตร แต่กลับใช้เวลามากกว่า 30 นาที กว่าผู้เสียชีวิตจะถึงมือแพทย์ก็สายเกินไป
น.ส.ณิชกานต์ ยืนยันว่า ข้อมูลที่ปรากฏในข่าวหลายสำนักไม่ตรงกับความจริง ทั้งเรื่องการช่วยเหลือและความพร้อมของรถพยาบาล จึงตัดสินใจมาปรึกษาอัยการว่าจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างไรต่อไป
ด้าน ดร.ปรัชญา มหาวินิจฉัยมนตรี อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิ์ฯ กล่าวว่าขณะนี้ต้องรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมด เบื้องต้นจะทำหน้าที่เป็นคนกลางเชิญคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาเจรจา เพื่อให้ความเป็นธรรม หากตรวจสอบพบว่าเป็นเหตุละเมิดจากความประมาทของผู้จัดงาน ไม่มีมาตรการดูแลความปลอดภัยที่เพียงพอ ก็ถือเป็นสิทธิ์ของทายาทที่จะดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางกฎหมายได้