ตำรวจไทยเป็นเจ้าภาพ จับมือ 8 ชาติ ถก UNODC-INTERPOL-FBI สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ปราบอาชญากรรมไซเบอร์ และค้ามนุษย์

วันที่ 23 ก.ย.68 ที่โรงแรมมัลดีฟส์ บีช รีสอร์ท อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสำคัญระดับนานาชาติ เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึก เกี่ยวกับมาตรการป้องกัน ปราบปรามการค้ามนุษย์ที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยการประชุมครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญยิ่งในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว

ซึ่งการประชุมครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างประเทศ และผู้แทนจากองค์กรระหว่างประเทศชั้นนำเข้าร่วม ประกอบด้วย ญี่ปุ่น, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, จีน, เกาหลีใต้, อินโดนีเซีย, อินเดีย, และเวียดนาม รวมถึงองค์กรด้านความมั่นคงระดับโลกอย่างสำนักงานว่าด้วย
ยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC), องค์การตำรวจสากล (INTERPOL), สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) และหน่วยสืบราชการลับสหรัฐ (Secret Service)

ภายในงาน ผู้เข้าร่วมประชุมได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์และรูปแบบการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ซับซ้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนจังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศกัมพูชาเป็นระยะทางยาวกว่า 87 กิโลเมตร และมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญของขบวนการค้ามนุษย์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เนื่องจากมีรายงานว่าฝั่งตรงข้ามชายแดนมีอาคารและคาสิโนจำนวนมากที่เชื่อกันว่าเป็นฐานปฏิบัติการลับของกลุ่มอาชญากรเหล่านี้

ข้อมูลจากระบบรับแจ้งความออนไลน์ของ สตช. เผยให้เห็นถึงความรุนแรงของปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดจันทบุรีเพียงแห่งเดียว พบว่ามีคดีความอาชญากรรมทางเทคโนโลยีกว่า 5,898 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 412 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามในทุกมิติ

พลตำรวจตรี ผดุงศักดิ์ รักษาสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า "ที่ผ่านมา มีรายงานการหลอกลวงคนไทยจำนวนมากไปบังคับทำงานผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งการช่วยเหลือเหยื่อกลับประเทศจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือ ระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจากหลายชาติอย่างบูรณาการ การประชุมในวันนี้ จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญอย่างยิ่งในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับนานาชาติ เพื่อร่วมกันรับมือกับอาชญากรรมรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว"

พลตำรวจตรี ผดุงศักดิ์ ยังได้แสดงความเชื่อมั่นว่า "ความร่วมมือที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะเป็นรากฐานที่มั่นคง ในการนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยเฉพาะการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขบวนการค้ามนุษย์ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในวงกว้าง และเป็นการยกระดับศักยภาพของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในภูมิภาคให้ทัดเทียมกับมาตรฐานสากล