ในช่วงนี้โรคไวรัสทางเดินหายใจระบาดหนัก ทั้งโรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) และ โรคไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากฝนตกบ่อยและการเปลี่ยนฤดูกาลเข้าสู่ฤดูฝน ฤดูหนาว ซึ่งบทความให้ความรู้โดย พญ.สิริรักษ์ กาญจนธีระพงค์ (ว 34129) กุมารแพทย์เฉพาะทางโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันวิทยา แผนกสุขภาพเด็ก โรงพยาบาลนวเวช ได้อธิบายเกี่ยวกับสาระน่ารู้ไขข้อสงสัยต่าง ๆ เกี่ยวกับ RSV และไข้หวัดใหญ่ พร้อมทั้งแนะนำวิธีการฉีดวัคซีนป้องกันโรค RSV และไข้หวัดใหญ่ เพื่อนำไปสังเกตลูกน้อยและผู้สูงอายุในบ้านให้ห่างไกลจากโรคติดเชื้อดังกล่าว

ประเทศไทยได้เริ่มมีการระบาดของโรคไวรัสทางเดินหายใจ ตั้งแต่ช่วงกลางฤดูฝน แม้ไรโนไวรัสจะพบได้ตลอดทั้งปีอยู่แล้ว แต่สำหรับ RSV ในปีนี้พบว่าเริ่มระบาดตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน จะเห็นได้ว่ามีการระบาดช้าลงกว่าปีที่ผ่าน ๆ มาพอสมควร

- สาระน่ารู้เกี่ยวกับ RSV และ ไข้หวัดใหญ่

RSV (Respiratory Syncytial Virus) เป็นเชื้อไวรัสของระบบทางเดินหายใจ ซึ่งจะซึมเข้าสู่ทางเดินหายใจได้โดยตรงและรวดเร็ว ทำให้เกิดการทำลายเนื้อเยื่อบุทางเดินหายใจรุนแรง และทำให้เกิดโรคปอดบวม ปอดอักเสบ หลอดลมฝอยอักเสบได้ง่ายมาก ซึ่งติดต่อกันง่ายแบบ Droplet จากสารคัดหลั่ง น้ำมูก น้ำลาย ผ่านการไอ จาม และการสัมผัสกันโดยตรง พบการระบาดตามฤดูกาล ช่วงกลางฤดูฝนถึงต้นฤดูหนาว หรือช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง

ไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัส Influenza ในไทยพบได้ทุกฤดูกาล มักระบาดช่วงฤดูฝน พบได้ทุกช่วงอายุ เด็กมีโอกาสติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเด็กเล็ก

- เมื่อไหร่? จะสงสัยว่าติดเชื้อ RSV และ ไข้หวัดใหญ่

RSV อาการเริ่มแรกเหมือนไข้หวัดทั่วไป คือ มีไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล และจะหายได้ ภายใน 5-7 วัน เด็กบางคนมีอาการไอแบบมีเสมหะร่วมด้วย ไอมากจนอาเจียน อาจมีหายใจเร็ว แรง หายใจลำบาก หรือหายใจแบบมีเสียงวี๊ด (wheezing) ได้ จะป่วยรุนแรงขนาดไหนขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานตามช่วงวัย ในเด็กจึงเป็นได้ตั้งแต่ ไข้หวัดธรรมดา (Common cold) คออักเสบ (Pharyngitis) กล่องเสียงอักเสบ (Laryngitis) ไปจนถึงหลอดลมอักเสบ (Bronchitis) หลอดลมฝอยอักเสบ (Bronchiolitis) และปอดบวม ปอดอักเสบ (Pneumonia) ในเด็กทารกอายุน้อยกว่า 2 ปี ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่องจึงเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงเกิดอาการรุนแรงได้มากที่สุด ในปัจจุบันการตรวจหาเชื้อ RSV โดยการป้ายสารคัดหลั่งน้ำมูกในจมูก (Nasal swab) ทำได้ง่าย สะดวก ราคาถูก สามารถตรวจคัดกรองเบื้องต้นเหมือนการตรวจโควิด ได้ด้วยตนเอง

ไข้หวัดใหญ่ อาการทั่วไป คือ ไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล ซึ่งมักหายได้เองใน 4-7 วัน ในขณะที่ไข้หวัดใหญ่ จะมีอาการที่รุนแรงกว่า คือ มีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก เยื่อบุตาแดง ซึ่งในกลุ่มเสี่ยงอาจมีการติดเชื้อลงปอดได้

 พญ.สิริรักษ์ กาญจนธีระพงค์ (ว 34129)

- RSV และไข้หวัดใหญ่ รักษาให้หายได้อย่างไร?

การรักษา RSV แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ การประคับประคองอาการทั่วไป เช่น ให้สารน้ำทางเส้นเลือดดำ ให้ออกซิเจน ช่วยดูดระบายเสมหะ และการรักษาแบบเฉพาะที่ เช่น พ่นยาขยายหลอดลม พ่นน้ำเกลือเข้มข้นชนิดพิเศษ เพื่อลดภาวะหลอดเกร็ง หายใจมีเสียงวี๊ด ในปัจจุบันมีรายงานการใช้ยา Montelukast ในการลดความรุนแรงในช่วงแรกของการหายใจหอบเหนื่อย แบบมีเสียงวี๊ด และใช้ยาต่อเนื่อง เพื่อลดการกลับเป็นซ้ำ

แม้จะรักษาหายขาดแล้ว RSV ก็ยังมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีก โดยเด็กมักมีภาวะหลอดลมไวตามมา ทำให้หายใจเหนื่อยง่าย หลังการติดเชื้อทางเดินหายใจ  รวมถึงมีรายงานเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหอบหืดได้สูงขึ้นทั้งในเด็กที่มีและไม่มีความเสี่ยงของโรคภูมิแพ้ในครอบครัว

การรักษาไข้หวัดใหญ่ในเด็ก คือ การให้ยาต้านไวรัส Oseltamivir ได้ผลดี เมื่อให้ในช่วง 3 วันแรก หลังมีอาการ, การให้ยาปฏิชีวนะไม่มีผลฆ่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ และยาอื่นๆ เป็นยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดน้ำมูก และยาละลายเสมหะ ยาลดไข้ โดยการรักษาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของกุมารแพทย์

- จริงหรือไม่? RSV และไข้หวัดใหญ่ มีวัคซีนป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ

ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส RSV (Respiratory syncytial virus) แล้ว ซึ่งสามารถลดโอกาสการติดเชื้อ และลดภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการติดเชื้อ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง แนะนำให้ฉีดในคุณแม่ตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หอบหืด ถุงลมโป่งพอง เบาหวาน ไต หัวใจ แต่ทั้งนี้ในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 2 ปี แนะนำให้ฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปต่อเชื้อ RSV เพื่อช่วยให้เด็กเล็กสามารถสร้างภูมิคุ้มกันระยะสั้นได้ทันที โดยปราศจากการติดเชื้อ จึงแนะนำให้เริ่มรับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปต่อเชื้อ RSV ช่วงก่อนฤดูกาลระบาดของเชื้อ

ในส่วนการรับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ สามารถฉีดได้ตั้งแต่ อายุ 6 เดือน โดยฉีดปีละ 1 ครั้ง วัคซีนจะมีประสิทธิภาพประมาณ 40-60% โดยคนที่มีโรคประจำตัวโดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด และเด็กเล็กอายุที่น้อยกว่า 2 ปี หากเป็นไข้หวัดใหญ่จะมีอาการรุนแรงได้ จึงควรได้รับวัคซีนทุกคน โดยในเด็กอายุน้อยกว่า 9 ปี กรณีเริ่มให้วัคซีนเป็นปีแรกจะฉีด 2 ครั้ง ครั้งละ 1 เข็มห่างกัน 1 เดือน

ทั้งนี้เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ที่ระบาดเกือบทุกปี ดังนั้นจึงต้องฉีดทุกปี แนะนำให้ฉีดในช่วงก่อนที่มีการระบาด ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคมในทุก ๆ ปี และสำหรับครอบครัวที่มีเด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งยังรับวัคซีนไม่ได้ ดังนั้นจึงแนะนำให้สมาชิกในครอบครัวที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันควรรับวัคซีนทุกคน

แผนกสุขภาพเด็ก โรงพยาบาลนวเวช ได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ป่วย คุณภาพการรักษา มาตรฐานการให้บริการ  ระบบการดูแลผู้ป่วยด้วยบุคลากรที่มีคุณภาพ และผ่านการรับรองมาตรฐาน AACI (American Accreditation Commission International) ค.ศ.2025 ISO 7101:2023 – Health Care Organization Management และ ISO 9001:2015 – Quality Management Systems แต่อย่างไรก็ตามมาตรการสำคัญในการป้องกันการระบาดของไวรัสทางเดินหายใจที่ดีที่สุด ทั้ง RSV และไวรัสทางเดินหายใจอื่น ๆ นั้น คือการหมั่นล้างมือให้สะอาดหรือใช้เจลแอลกอฮอลล์ลูบมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่างในการทำกิจกรรมร่วมกันอย่างเหมาะสม ไม่ควรให้เด็กอยู่ร่วมกันกลุ่มใหญ่ ๆ แออัด และควรรีบแยกเด็ก แยกของเล่นเด็กทันที เมื่อสังเกตุได้ว่ามีเด็กป่วยสงสัยว่ามีการติดเชื้อ หากเป็นไปได้ควรให้ผู้ปกครองมารับกลับบ้าน และทำการตรวจหาเชื้อทันที กรณีหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดและขอรับคำปรึกษาได้ที่ โทร. 1507 Line: @navavej