“บัวแก้ว”ยันไทยทำตามกฎหมายและหลักสากล เรียกร้องกัมพูชาหยุดรุกล้ำ–ปลุกระดม ยันหลักเขตแดน 42–43 อยู่ในกรอบ JBC ย้ำไทยยึดมั่นสันติวิธีแก้ปัญหา

เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568 นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงท่าทีของไทยต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา หลังฝ่ายกัมพูชามีการประท้วงและกล่าวหาไทยต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

โฆษกบัวแก้วยืนยันว่า ไทยมีสิทธิบังคับใช้กฎหมายภายในกับพลเมืองกัมพูชาที่ลักลอบเข้ามาในเขตแดนไทย พื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่พื้นที่พิพาทอย่างที่กัมพูชาบิดเบือน การดำเนินการของไทยเป็นไปตามหลักอธิปไตยและมาตรฐานสากล

สำหรับข้อกล่าวหาเรื่อง หลักเขตแดนที่ 42–43 ไทยชี้แจงว่า แผนผังที่นำเสนอไม่ได้เป็นการกำหนดเส้นเขตแดนจริง แต่เป็นเพียงการจำลองเพื่อให้ประชาชนเข้าใจ ขณะที่การเจรจาเส้นเขตแดนอยู่ภายใต้อำนาจของคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC)

นอกจากนี้ ไทยยังโต้แย้งข้อกล่าวหาละเมิด MOU 2543 โดยระบุว่า ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ละเมิด เนื่องจากปล่อยให้มีการสร้างอาคารและชุมชนในพื้นที่พิพาทและพื้นที่ที่อยู่ในอธิปไตยไทย ซึ่งไทยได้ยื่นประท้วงแล้วกว่า 500 ครั้งในรอบ 20 ปี แต่กัมพูชาไม่เคยแก้ไข

ไทยยืนยันว่าปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ใช้ความอดทนอดกลั้น และการใช้กำลังทุกครั้งเป็นไปเพื่อป้องกันตนเองและรักษาอธิปไตย แตกต่างจากกัมพูชาที่สนับสนุนการปลุกปั่นให้ประชาชนออกมาชุมนุมก้าวร้าว จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยได้รับบาดเจ็บหลายราย

โฆษกบัวแก้วเรียกร้องให้กัมพูชา หยุดขยายชุมชนรุกล้ำเขตแดนไทย และยุติการปลุกระดมให้ประชาชน โดยเฉพาะเด็ก สตรี และผู้สูงอายุ ออกมาเป็นแนวหน้าในการประท้วง พร้อมย้ำว่าไทยยึดมั่นในกลไก JBC และสันติวิธีมาโดยตลอด

ทั้งนี้ ไทยผิดหวังที่กัมพูชาบิดเบือนข้อเท็จจริงต่อประชาคมโลก แต่ยังยืนยันเจตนารมณ์สุจริตใจที่จะหาทางออกอย่างสันติร่วมกัน โดยยืนหยัดบนหลักกฎหมายระหว่างประเทศและมาตรฐานสากล

#บัวแก้ว #ชายแดนไทยกัมพูชา #เขตแดนไทย #JBC #MOU2543 #ความขัดแย้งชายแดน #การทูตไทย