“พระคึกฤทธิ์” ส่งทนายความ ดอดยื่นเอกสารชี้แจง ตำรวจ ปปป. หลังถูกสื่อแฉ ยักยอกเงินวัดใช้ผิดวัตถุประสงค์ตั้งแต่ปี 55-59 ยันเป็นเรื่องเก่า คนเข้าใจผิด เรื่องจบไปนานแล้วหลังอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง

วันที่ 22 ก.ย. ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่ พระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง ถูกร้องเรียนกรณีนำเงินวัดไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า เบื้องต้นทราบว่าเมื่อข่วงเช้าที่ผ่านมา ทนายความของวัดได้นำหนังสือและเอกสารพยานหลักฐานชี้แจงข้อเท็จจริงมายื่นให้กับพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปปป. แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวเอกสารหลักฐานดังกล่าวว่ามีเนื้อหาอบ่างไรบ้าง

ส่วนประเด็นข้อสงสัยกรณีการร้องเรียนโต้แย้งกันระหว่างพระคึกฤทธิ์กับสีกาเยอรมนีนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า เท่าที่ประเมินน่าจะมีปัญหาส่วนตัวหรือความขัดแย้งบางอย่าง โดยสรุปแล้วคดีนี้เกี่ยวข้องกับการโอนเงินจากต่างประเทศเพื่อสร้างสาขาหรือมูลนิธิที่เกี่ยวกับวัด แต่ต้องตรวจสอบต่อว่าถูกต้องตามระเบียบหรือใช้ตามวัตถุประสงค์หรือไม่ 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการตรวจสอบเส้นทางเงินต่างๆของวัด ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ต้องรอผลการตรวจสอบให้แน่ชัดอบ่างละเอียดก่อนโดยเฉพาะเงินที่เปิดรับบริจาคทั่วประเทศ หากพบว่ามีความผิดจริงก็จะมีการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป 

เมื่อถามว่า จะมีการตรวจสอบเส้นเงิน 12.2 ล้านบาท ที่โอนจากบัญชีวัดเข้าบัญชีมูลนิธิพุทธวจนที่ประเทศเยอรมนี ด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า หากเงินบริจาคภายในวัดนาป่าพงมีความผิดจริงเงินที่โอนไปยังพุทธวจนประเทศเยอรมนีก็จะต้องมีความผิดด้วย แต่ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนก็อยู่ระหว่างการทำงานจึงอยากให้เวลาเจ้าหน้าที่ก่อน

เมื่อถามว่าการนำเงินวัดไปอยู่ในบัญชีส่วนตัวรวมถึงพบว่าเงินบางส่วนยังอยู่ที่ประเทศเยอรมนี ทำให้เกิดข้อกังขาว่ามีเจตนาไม่ถูกต้องหรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ต้องสอบถามข้อมูลจากมหาเถรสมาคมและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จึงจะสามารถสรุปได้ชัดเจน

นอกจากนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังบอกอีกว่า “สีกาเยอรมนี” จะเดินทางกลับยังประเทศไทยในเร็วๆนี้ ซึ่งตอนนี้ได้มีการนัดหมายจะเดินทางมาจะเข้ามาพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเองในวันที่ 2 ต.ค. ที่จะถึงนึ้ ซึ่งจะมีการสอบปากคำอย่างละเอียดข้อเท็จจริงต่างๆเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างละเอียด ส่วนความคืบหน้าในส่วนของสำนวนคดีที่มีการแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของ ป.ป.ช. ขณะที่ บก.ปปป. มีอำนาจสอบสวนร่วมและรอผลการตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อความชัดเจนต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเอกสารหลักฐานชี้แจง ที่ทนายความวัดนาป่าพง นำมามอบให้กับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ประกอบการพิจารณา นั้น เบื้องต้น เป็นเอกสารชี้แจง กรณีที่ปรากฎเป็นข่าวตามสื่อต่างๆว่า “พระคึกฤทธิ์” ฉ้อโกง หรือ ยักยอกเงินของวัดไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ในช่วงระหว่างปี 2555-2559 

โดยเนื้อหาเอกสารชี้แจงดังกล่าวมีการระบุเนื้อหาอ้างว่า ในช่วงปี 2555-2559 “พระคึกฤทธิ์” ได้นำเงินที่ชาวบ้าน หรือ ผู้มีจิตศรัทธา บริจาคหรือทำบุญให้กับวัด ไปใช้จัดทำโครงการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และ พัฒนาวัด หลายโครงการจริง ซึ่งมีโครงการหลักๆที่สำคัญอยู่ 4 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการกองทุนผ้าป่าเพื่อซื้อและพัฒนาที่ดินด้านข้างวัดนาป่าป่าพง จำนวน 2 แปลง 2. โครงการเผยแผ่ธรรมด้วยการจัดพิมพ์หนังสือธรรม 3. โครงการเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยการประชุมธรรมนานาชาติ ในประเทศอินเดีย 2 ครั้ง และ ในประเทศไทย 1 ครั้ง 4. โครงการปรับปรุงก่อสร้างกุฏิวิหารภายในวัด ซึ่งทั้งหมดได้ดำเนินจัดทำจนแล้วเสร็จครบทุกโครงการตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค 

นอกจากนี้หนังสือชี้แจงดังกล่าวยังอ้างว่า เรื่องที่ถูกกล่าวหาว่า “ฉ้อโกงประชาชน” หรือ ยักยอกเงินของวัด ในช่วงปี 2555 - 2559 นั้น เคยเป็นคดีความถูกนำเข้าสู่การพิจารณาในกรอบกระบวนการยุติธรรมทั้งในชั้นพนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการ มาก่อนแล้ว ซึ่งต่อมาทางพนักงานอัยการได้มีความเห็นไม่ฟ้อง อีกทั้งต่อมาตัวผู้ที่ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวยังยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิด และ “พระคึกฤทธิ์” เองก็ไม่ได้กระทำผิดตามที่เคยมีการกล่าวหา โดยแนบเอกสารการโอนที่ดินกรรมสิทธิ์ของวัด หลักฐานหนังสือจากอัยการที่มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดีต่างๆในอดีต รวมไปถึงเอกสารคำชี้แจงต่างๆมามอบให้กับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ใช้ประกอบกานพิจารณา

#พระคึกฤทธิ์ #วัดป่านาพง #ปปป #ยักยอกเงินวัด #คดีเงินวัด #ข่าวพระ