สภ.เมืองเชียงใหม่ ติดตามตามวัยรุ่นพ่นสีสเปรย์ ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย และให้ผู้ก่อเหตุทาสีปรับสภาพดังเดิม
วันที่ 21 ก.ย.68 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 และ พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้รับรายงานหลังจากปรากฏตามสื่อโซเชียลหลายๆ สื่อ ของจังหวัดเชียงใหม่ว่า มีบุคคลนำสีสเปรย์พ่นบนลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ต.พระสิงห์ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ด้วยถ้อยคำหยาบคายพาดพิงเจ้าหน้าที่เทศกิจ เทศบาลนครเชียงใหม่ จึงได้สั่งการให้ สภ.เมืองเชียงใหม่ ติดตามผู้ก่อเหตุ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นการทำลายทัศนียภาพที่สวยงาม และอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ ที่นักท่องเที่ยวและประชาชน มาท่องเที่ยวจำนวนมาก ทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเสียหาย
พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ชุวาพล ชัยสาร รอง ผกก.สืบสวนฯ ,พ.ต.ท.พูนศักดิ์ พักตร์ผ่องศรี สว.สส.ฯ,พ.ต.ต.วุฒิไกร ทาหอม สว.สส.ฯ พร้อมด้วยชุดสืบสวน เร่งสืบสวนติดตามตัวผู้ก่อเหตุ ล่าสุดวันนี้ (21 ก.ย.68) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่(ชุดเหยี่ยวดำ) จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด จนทราบว่า วันที่ 19 ก.ย.68 เวลา 19.09 น.ได้มีชายไทย จำนวน 1 คน เดินมายังที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นได้ใช้สีสเปรย์ที่พกพามาด้วยพ่นสีใส่บริเวณลานสามกษัตริย์จำนวนหลายจุด และขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ซึ่งจากการตรวจข้อมูลจากกล้องวงจรปิด จึงทราบทราบตัวชายผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ คือ นายพีรวัฒน์ อายุ 31 ปี ที่อยู่ ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ จึงได้เชิญตัวนายพีรวัฒน์ มายัง สภ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อสอบถามโดยนายพีรวัฒน์ รับว่าเป็นคนก่อเหตุดังกล่าวจริง โดยมูลเหตุเกิดจากที่เจ้าหน้าที่เทศกิจได้ยึดอุปกรณ์เล่นสเก็ตบอร์ดของนายพีรวัฒน์ ไป ซึ่งนายพีรวัฒน์ได้นำมาเล่นบริเวณลานสามกษัตริย์แล้วไม่มีการเก็บ โดยอุปกรณ์เล่นสเก็ตบอร์ดดังกล่าว ได้กีดขวางบริเวณลานสามกษัตริย์ ทำให้เจ้าหน้าที่เทศกิจได้ตรวจยึดไป จึงเป็นสาเหตุให้นายพีรวัฒน์ ไม่พอใจ
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ จึงได้นำนายพีรวัฒน์ ไปชี้จุดเกิดเหตุและให้นายพีรวัฒน์ฯ ดำเนินการซื้ออุปกรณ์และทาสีบริเวณลานสามกษัตริย์ให้อยู่ในสภาพเดิม จากนั้นทำประวัติไว้และจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป