วันที่ 21 ก.ย. 2568 นายชูพงศ์ อิศรัตน์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชน เนื่องจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำ 729 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 76% ปริมาณน้ำไหลลงอ่าง 673 ลบ.ม./วินาที หรือ 58 ล้าน ลบ.ม./วัน ปริมาณการระบาย 500 ลบ.ม./วินาที หรือ 43 ล้าน ลบ.ม./วัน จากการติดตามและคาดการณ์ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ด้านเหนือเขื่อนยังมีปริมาณที่จะน้ำไหลเข้าเขื่อนฯ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการควบคุมระดับน้ำและปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา ป่าสักชลสิทธิ์ จะดำเนินการปรับเพิ่มการระบายน้ำ จากเดิมอัตรา 500 ลบ.ม./วินาที เป็นอัตรา 650 ลบ.ม./วินาที โดยเพิ่มขึ้นในอัตราวันละ 50 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำขึ้นเป็นลำดับ ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2568 เป็นต้นไป

ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดต่อทรัพย์สินของประชาชน จากการที่ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักจะเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกประมาณ 1.50-1.80 เมตร โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอาจจะเกิดสภาวะน้ำล้นตลิ่งในช่วงตลิ่งต่ำ เช่น ตลาดน้ำต้นตาล ตำบลต้นตาล อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี, ตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี, ตำบลแก่งเสือเต้น และ ตำบลหินซ้อน อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี, ชุมชนวัดสะตือ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงขอให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ทราบ และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดต่อไป

ด้านกรมชลประทานรายงานสถานการณ์น้ำ ระบุ จากการติดตามคาดการณ์สภาพอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 21 - 27 กันยายนนี้ ร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคตะวันออกจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง เฝ้าระวังฝนตกหนัก - สะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขา ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่ม

ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาได้รายงานการติดตามพายุไต้ฝุ่น “รากาซา (RAGASA)” ที่ก่อตัวอยู่บริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ ขณะนี้พายุกำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และมีแนวโน้มจะเคลื่อนเข้าสู่ทะเลจีนใต้ก่อนจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ อิทธิพลของพายุลูกนี้จะทำให้มรสุมที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศแจ้งเตือนเป็นระยะ จึงควรติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง

สำหรับพื้นที่ทุ่งบางระกำ จ.พิษณุโลก ซึ่งทำหน้าที่เป็นแก้มลิงหน่วงน้ำจากลุ่มน้ำยม ช่วยบรรเทาน้ำหลากในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ปัจจุบันสามารถกักเก็บน้ำได้แล้ว 397 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 99 ของความจุ (400 ล้าน ลบ.ม.)

ด้านสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำรวม 59,804 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 78 ของความจุอ่างฯ รวมทั้งหมด ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 16,700 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะในลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกัน 20,548 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 83 ของความจุอ่างฯ และยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 4,300 ล้าน ลบ.ม.

สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำเกินเกณฑ์ควบคุม (Upper Rule Curve: URC) กรมชลประทานร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ติดตามและบริหารจัดการน้ำอย่างใกล้ชิด จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์, เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จังหวัดพิษณุโลก, เขื่อนแม่มอก จังหวัดลำปาง, เขื่อนห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี, เขื่อนน้ำอูน จังหวัดสกลนคร, เขื่อนน้ำพุง จังหวัดสกลนคร, เขื่อนจุฬาภรณ์ จังหวัดชัยภูมิ, เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น, เขื่อนบางพระ จังหวัดชลบุรี และเขื่อนนฤบดินทรจินดา จังหวัดปราจีนบุรี

กรมชลประทานได้ติดตามและประเมินสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง พร้อมบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณฝนและน้ำท่า มีการนำน้ำเข้าสู่คลองชลประทานเต็มศักยภาพ ควบคู่กับการสูบน้ำเร่งระบายน้ำส่วนเกินลงสู่อ่าวไทย เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้มากที่สุด