วันชัย สอนศิริ ปลุกมหาเถรสมาคม พระชั้นผู้ใหญ่เลิกจำวัดตื่นลุกขึ้นมาชำระสะสางโดยเร่งด่วน ได้แล้ว เพื่อแก้วิกฤตศรัทธาวงการสงฆ์อื้อฉาวครั้งใหญ่หลวง อย่ามัวแต่หมอบราบคาบสวดกันไปสวดกันมา ขืนชักช้า กาลวิบัติจะบังเกิดกับพระศาสนา
วันที่ 20 ก.ย.68 นายวันชัย สอนศิริ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ทนายวันชัย สอนศิริ” ระบุว่า...
ภัยคุกคามของคณะสงฆ์…วิกฤตสูู่กาลวิบัติ
นับแต่มีเรื่องฉาวโฉ่ของวงการพระสงฆ์และมีพระบรมราชโองการยกเลิกสถาปนาสมณศักดิ์ ทั้งตำรวจก็มีการตั้งศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา (ศูนย์ปราบพระ) ทำให้วงการคณะสงฆ์หมอบราบคาบศิโรราบกันไปหมด เสียงสวดมนต์ที่เคยกระหึ่มกึกก้องก็แผ่วเบาสิ้นมนต์ขลัง กิจกรรมในวัดวาอารามก็ดูเงียบเหงาเศร้าซึม พระสงฆ์องค์เณรก็ดูทีท่าไม่แน่ใจในสถานภาพของตน ยิ่งเจ้าคณะพระผู้ปกครองก็เกิดความหวั่นไหวว่าจะโดนอะไร มาถึงตัวเองหรือไม่ ญาติโยมที่จะเข้าวัดทำบุญสุนทานก็ลดน้อยถอยลง วิกฤติศรัทธาเกิดขึ้นอย่างรุนแรง เป็นภัยมืดที่คุกคามในวงการคณะสงฆ์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในแวดวงพระสงฆ์รู้กันได้ดีว่ามีวิกฤติเกิดขึ้นในหมู่สงฆ์ เป็นภัยเงียบๆ ลึกๆ วังเวง เงาทะมึนๆ ปกคลุมไปทั่วสังฆมณฑล ทั้งหน้าตาน้ำเสียงภาษาพูดภาษากาย อ่อนระโหยโรยแรงตั้งแต่พระมหาเถระจนถึงพระหนุ่มเณรน้อย ภัยคุกคามดังกล่าวเป็นภัยที่เกิดจากภายใน คือภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา พวกเรากันเองมิใช่ภัยจากภายนอกแต่อย่างใด
ใครจะเห็นอย่างไรผมไม่รู้ แต่ผมเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะพระสงฆ์เป็นส่วนหนึ่งของสถาบันหลัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะปล่อยให้พระสงฆ์วัดวาอาราม มีภัยคุกคามอยู่อย่างนี้ไม่ได้... ท่านรู้กันหรือไม่ว่านี่เป็นวิกฤติใหญ่หลวงของวงการคณะสงฆ์ ท่านจะหมอบราบคาบปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ เพราะวัดจะร้างขุนนางจะโรย... เป็นความรับผิดชอบของผู้มีอำนาจหน้าที่ จะมามัวเหงาเศร้าซึมกับวิกฤติแล้วปล่อยให้ผ่านไปวันๆ เสียงสวดมนต์ก็จะแผ่วเบาและมลายหายไปในที่สุด...
ผมว่าโดยเฉพาะพระมหาเถระผู้นำองค์กรต้องตื่นและลุกกันขึ้นมา แก้ไขปัดเป่าภัยพิบัติดังกล่าวออกไปให้จงได้ ทั้งรีบเร่งให้ทันต่อการแก้ปัญหาที่สลับซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การคิด วิเคราะห์ แยกแยะ การทำงานกันอย่างจริงจังถึงลูกถึงคนถึงปัญหาน่าจะดีกว่าในยุคสมัยนี้ ถ้าจะทำอย่างที่เคยทำและเป็นอย่างที่เคยเป็นเหมือนที่ผ่านๆมา ในที่สุดจากวิกฤติก็จะกลายเป็นวิบัติ และพระสงฆ์องค์เจ้าวัดวาอารามก็จะดำรงคงอยู่ต่อไปไม่ได้...
งานนี้จึงเป็นงานใหญ่งานเร่งด่วนของมหาเถรสมาคม... ถ้ามัวสวดกันไปสวดกันมาและสวดกันอยู่อย่างเดิม ก็คงจะไม่ทันเสียแล้วกระมัง...