เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ บางส่วนอาจต้องปิดทำการ (Shutdown) หลังจากวุฒิสภาปฏิเสธร่างงบประมาณชั่วคราวที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรไปก่อนหน้านี้
ร่างงบประมาณดังกล่าวจัดทำโดยพรรครีพับลิกัน และผ่านการโหวตในสภาผู้แทนราษฎรอย่างเฉียดฉิว เพื่อขยายงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน แต่เมื่อเข้าสู่วุฒิสภากลับถูกคว่ำด้วยคะแนน 44 ต่อ 48 เสียง ซึ่งไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำ 60 เสียงที่จำเป็นต่อการผ่านร่าง ขณะที่ร่างงบประมาณของพรรคเดโมแครต ซึ่งรวมข้อกำหนดด้านโครงการประกันสุขภาพ (Healthcare) ก็ถูกปฏิเสธเช่นกัน
ความล้มเหลวในการหาข้อสรุปร่วมกันของสองสภาส่งผลให้สหรัฐฯ เผชิญความเสี่ยงสูงที่รัฐบาลจะชัตดาวน์ภายใน เวลาเที่ยงคืนของวันที่ 30 กันยายนนี้ หากไม่มีการหาทางออกทันเวลา
หากเกิดภาวะชัตดาวน์จริง หน่วยงานรัฐบาลหลายแห่งจะหยุดให้บริการ เจ้าหน้าที่หลายแสนคนอาจถูกเลื่อนการจ่ายเงินเดือน ขณะที่การดำเนินงานต่าง ๆ ตั้งแต่การเปิดให้บริการสวนสาธารณะไปจนถึงการอนุมัติวีซ่าจะได้รับผลกระทบโดยตรง อย่างไรก็ตาม โครงการภาคบังคับ เช่น ประกันสังคม (Social Security) และ เมดิแคร์ (Medicare) จะยังคงดำเนินการต่อไป
นักวิเคราะห์ชี้ว่า วิกฤตครั้งนี้สะท้อนความแตกแยกทางการเมืองในกรุงวอชิงตัน โดยพรรคเดโมแครตโจมตีว่าแผนงบประมาณของรีพับลิกันไม่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ขณะที่พรรครีพับลิกันยืนยันว่า ร่างงบประมาณชั่วคราวเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อซื้อเวลาในการเจรจาเรื่องงบประมาณระยะยาว