“ทัพไทย” ยันสร้างรั้วแน่ แม้ “บิ๊กเล็ก” ห่วงรั้วชายแดน อาจมีปัญหาตีความเส้นเขตแดนบนตลิ่ง หรือ กลางลำคลองแต่ กองทัพไทย ขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่า รั้วอิเล็กทรอนิกส์ และรั้วชั่วคราวในบางพื้นที่ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันได้แล้ว จึงไม่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียดินแดนพร้อม เดินหน้าโครงการรั้วอิเล็กทรอนิกส์ชายแดนไทย–กัมพูชา เริ่มติดตั้ง CCTV ต้นแรก ที่สระแก้ว
พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าของแนวทางการจัด ทำรั้วชายแดนไทย–กัมพูชา โดยยืนยันว่า กองทัพไทยจะเร่งดำเนินการสร้างรั้วในพื้นที่ตามแนวเขตแดนที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันแล้ว เพื่อยกระดับความมั่นคงและเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังพื้นที่ชายแดน โดยล่าสุดกองทัพไทยได้ข้อสรุปแนวทางการสร้างรั้วถาวรในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว รวมระยะทาง 23.6 กิโลเมตร แบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงจุดตรวจอรัญ 09 ถึงหลักเขตที่ 49 ความยาว 6.5 กิโลเมตร และช่วงหลักเขตที่ 50–51 ความยาว 17.1 กิโลเมตร ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวถือว่าไม่มีปัญหาเรื่องแนวเขตแดน เนื่องจากมีคลองลึก และคลองพรมโหดเป็นเส้นแบ่งเขตธรรมชาติที่ชัดเจนโดยมี แนวคิดการเสริมสร้างความมั่นคงว่า กองทัพได้เสนอรัฐบาลจัดทำ “รั้วอิเล็กทรอนิกส์” โดยใช้ระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ร่วมกับการสร้างรั้วชั่วคราวในจุดที่เป็นพื้นที่ล่อแหลม ซึ่งมักเกิดปัญหาการลักลอบเข้าเมืองและเป็นพื้นที่ที่ยากต่อการเฝ้าตรวจ
“ก้าวแรกของโครงการได้เริ่มต้นแล้ว เมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา กองทัพไทยได้ติดตั้งเสากล้องวงจรปิดต้นแรกบริเวณหลักเขตชายแดนที่ 50 ด้านหลังด่านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว นับเป็นการวางรากฐานสำคัญในการพัฒนาระบบรั้วอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย”
สำหรับแผนงานเร่งด่วนในปีงบประมาณ 2568 กองทัพไทยจะเริ่มก่อสร้างรั้วชั่วคราวในช่วงหลักเขต 50–51 ความยาว 5.1 กิโลเมตร โดยมีหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 12 (นพค.12) รับผิดชอบการปรับปรุงพื้นที่และก่อสร้าง ทั้งนี้ สำหรับพื้นที่ที่ยังไม่สามารถตกลงเรื่องแนวเขตแดนได้ กองทัพไทยยังคงใช้มาตรการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการสร้างเส้นทางยุทธวิธีตลอดแนวชายแดน เพื่อรักษาความปลอดภัยและอธิปไตยของประเทศ
พลตรี วิทัย ย้ำว่า แม้จะมีบางฝ่ายแสดงความกังวลเกี่ยวกับการสร้างรั้วชายแดน อาจนำไปสู่ปัญหาการตีความเส้นเขตแดนบนตลิ่ง หรือกลางลำน้ำ แต่กองทัพไทย ขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่า การดำเนินโครงการรั้วอิเล็กทรอนิกส์ และรั้วชั่วคราวในบางพื้นที่นั้น มีความชัดเจนและอยู่ในพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันได้แล้ว จึงไม่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียดินแดนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ จุดประสงค์หลักของโครงการคือการเสริมสร้างความมั่นคง ป้องกันภัยคุกคาม และเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชาในระยะยาว เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและประเทศชาติ