“อัญชลี ไพรีรัก”  เป็นหนึ่งในจำเลยในคดีบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 ซึ่งเป็นช่วงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ในคดีนี้ อัยการได้ฟ้อง อัญชลี และพวก ในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป, อั้งยี่ซ่องโจร, บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากมีหลักฐานว่าจำเลยเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด

คดีนี้เป็นผลพวงจากการที่กลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าไปในอาคารสถานีโทรทัศน์ NBT เพื่อประท้วงรัฐบาลขับไล่ “สมัคร สุนทรเวช” ในขณะนั้น ซึ่งนำมาสู่การฟ้องร้องในหลายข้อหา เช่น ร่วมกันมั่วสุม, อั้งยี่ซ่องโจร, บุกรุก และ ทำให้เสียทรัพย์

โดยมีจำเลยหลักที่ถูกดำเนินคดีร่วมกับ อัญชลี คือ ภูวดล ทรงประเสริฐ ,ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที ,ชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล และ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ซึ่งได้เสียชีวิตแล้ว ศาลจึงจำหน่ายคดีในชั้นอุทธรณ์

ทั้งนี้คดีม็อบพันธมิตรฯ หรือม็อบเสื้อเหลือง ที่นำโดยอัญชลี และพวก บุกยึดสถานีโทรทัศน์ NBT คือคดีที่สะท้อนภาพความขัดแย้งทางการเมือง ในปี 2551 ในครั้งนั้นอย่างเข้มข้น

ในวันนี้ (19 ก.ย.68) จำเลยได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา ด้วยกัน 3 คน ยกเว้น ภูวดล เนื่องจากไม่สามารถเดินทางมาได้ เพราะป่วยติดเตียงอยู่ที่โรงพยาบาล โดยได้แถลงข้อเท็จจริงดังกล่าวแก่ศาลแล้ว ศาลจึงได้หารือและเห็นว่า เห็นสมควรให้ภรรยาของภูวดล เดินทางมาแถลงข้อเท็จจริงต่อศาลแทน

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนในทิศทางเดียวกัน โดยตัดสินให้จำคุกจำเลยทั้งหมดคนละ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา จนมาถึงการตัดสินของศาลฎีกา วันที่ 19 ก.ย.68

อัญชลี ไพรีรัก แกนนำคนสำคัญ ม็อบพันมิตรฯ ได้แสดงเจตจำนงที่แน่วแน่ก่อนถึงวันตัดสิน โดยระบุว่าได้ เตรียมใจและพร้อมที่จะน้อมรับทุกคำพิพากษา ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร และได้เตรียมความพร้อมด้านสุขภาพและการใช้ชีวิตในเรือนจำไว้แล้ว

“ ถ้าเกิดคำพิพากษาในวันนี้เป็นลบก็จะไม่ส่งผลกับการออกมาเคลื่อนไหวของตนในอนาคตอย่างแน่นอน และตนก็ตั้งใจมาตลอดว่าอยากให้ทุกคนอยู่ในบ้านเมืองที่ดีและสังคมที่มีคุณภาพ” อัญชลี เปิดใจ ก่อนเข้ารับฟังคำตัดสิน

ล่าสุดศาลฎีกา มีคำพิพากษา “ยกฟ้อง “ จำเลย ทั้ง 3 คนคือ อัญชลี ยุทธิยง และภูวดล ส่วนในรายของ ชิติพันธ์  จำเลยที่ 4 ศาลให้จำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ไม่รอลงอาญา

ถือเป็นการปิดฉากการต่อสู้ทางคดีที่ยาวนาน ถึง 17ปี ที่ศาลฎีกา วันนี้ 19 ก.ย.2568 !