ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงฯ เผย 4 ปัญหาซับซ้อนที่รัฐบาลใหม่ต้องเร่งแก้ไข พร้อมเสนอแผนปฏิบัติการ 4 เดือน "ถอนกำลัง-กู้ทุ่นระเบิด-เปิดด่าน" เพื่อทวงคืนพื้นที่และศักดิ์ศรีของประเทศ
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศาย แสดงความคิดเห็นผ่านรายการออนไลน์ ทาง youtube ช่อง shinachanel เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 องศาสตราจารย์ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่รัฐบาลชุดใหม่จะต้อง จัดระเบียบ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาให้ดีขึ้น โดยเฉพาะหลังเกิดเหตุการณ์ความตึงเครียดยิบย่อยหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ทั้งการเผชิญหน้าของทหารสองฝ่าย การลุกล้ำในพื้นที่จันทบุรีและตราด
ดร.ปณิธานเน้นว่า สถานการณ์ปัจจุบันยังคงเป็นสถานการณ์สู้รบ ไม่ใช่สถานการณ์ปกติของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รัฐบาลใหม่จึงต้องดำเนินการที่แตกต่างจากรัฐบาลชุดเดิมโดยสิ้นเชิง
เปิด 4 ปัญหาพื้นฐานซับซ้อนที่ต้องแก้ไขพร้อมกัน
ดร.ปณิธานระบุว่า เหตุการณ์ความตึงเครียดทั้งหมดตั้งอยู่บน 4 ปัญหาสำคัญ ที่ต้องได้รับการแก้ไขไปพร้อม ๆ กัน:
1. ข้อพิพาทพื้นฐานเรื่องดินแดน: ปัญหาที่อยู่บนฐานประวัติศาสตร์อันยาวนาน
2. พื้นที่ทำกินและพื้นที่เพาะปลูก: มีผลกระทบต่อสวนยาง บ้านเรือน และพื้นที่เพาะปลูกของประชาชน
3. กระแสชาตินิยม: ทั้งปัญหาดินแดนและพื้นที่ทำกิน ถูกนำมาใช้เป็นฐานของความเข้มข้นของชาตินิยม โดยฝ่ายกัมพูชา (เช่น สมรังสี) ใช้ประเด็นเศรษฐกิจปากท้องและกรรมสิทธิ์เดิมในการเลี้ยงกระแสชาตินิยมเพื่อต่อสู้กับกลุ่มฮุนเซ็น
4. เรื่องผู้นำและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ: แม้กัมพูชาจะทอดไมตรีและต้องการให้เปิดด่าน แต่หากเราไม่ทำตามข้อตกลง พวกเขาจะหาเรื่องกดดัน นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่อง การแทรกแซงของนานาชาติ ทั้งอาเซียน ผู้สังเกตการณ์ มหาอำนาจ และญี่ปุ่น ดร.ปณิธานตั้งข้อสังเกตว่า แม้การติดต่อของญี่ปุ่นจะเป็นในนามเอกชน แต่การที่พวกเขาไปหารือกับกระทรวงการต่างประเทศและสภาความมั่นคงแห่งชาติของไทย ย่อมทำให้คนมองว่าเป็นการแทรกแซง
ตั้งคำถามต่อการ "เปิดด่าน" และการขาดเงื่อนไข
ดร.ปณิธานได้ตั้งข้อสังเกตอย่างรุนแรงต่อการตัดสินใจของรัฐบาลรักษาการในการเข้าร่วมประชุมและยอมรับการพิจารณาเปิดด่าน:
• ขาดอำนาจเต็ม: การประชุมไม่ควรเกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลไทยไม่มีอำนาจเต็มในการตัดสินใจ เพราะอาจถูกรุกคืบได้
• ข้อตกลงที่เสี่ยงต่อการเสียเปรียบ: ข้อตกลงร่วม (ข้อ 6 เจ) ที่ระบุว่าจะ พิจารณาเปิดด่าน จันทบุรีและตราด รวมถึงอนุญาตให้สินค้าทุกชนิด (ที่ไม่เกี่ยวกับการทหาร) ผ่านเข้า-ออกได้ นั้นถือเป็นประเด็นที่ เป็นรูปธรรมที่สุด และถูกซ่อนอยู่ท้ายแถลงการณ์
• ประชาชนไม่เอาด้วย: ดร.ปณิธานระบุว่า ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่ (60-70%) ยินดี กัดฟันยังไม่เปิด จนกว่าสถานการณ์จะถูกเคลียร์ให้จบ
• ไม่ตั้งเงื่อนไขที่ได้เปรียบ: ไทยในฐานะประเทศที่ได้เปรียบ ควรต้องตั้งเงื่อนไขเพื่อต่อรอง เช่น ต้อง ถอนกำลังทหาร และ เก็บกู้ทุ่นระเบิด ออกจากพื้นที่พิพาท (หนองจาน/หนองปลา) ให้แล้วเสร็จเสียก่อน จึงจะพิจารณาเรื่องการเปิดด่าน การยอมรับข้อ 6 เจ โดยไม่มีเงื่อนไขผูกมัด ทำให้ไทยดู อ่อนแอ และทำให้กัมพูชาเป็นฝ่ายที่สามารถชี้แนะความต้องการได้
ข้อเสนอ "แผน 4 เดือน" จัดการวิกฤตชายแดน
เพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่สามารถใช้โอกาสนี้ในการ ปรับตำแหน่ง (repositioning) ของประเทศ และทวงคืนแผ่นดิน ดร.ปณิธานได้เสนอแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนภายใน 4 เดือน:
• เดือนที่ 1: การถอนกำลัง: สัปดาห์แรกให้มีการลงนามเพื่อให้มีผู้แทนถาวรของอาเซียน (AOT) เข้ามาสังเกตการณ์ จากนั้นให้มีการถอนกำลังทหาร อาวุธหนัก (จรวดหลายลำกล้องและรถถัง) ให้เสร็จสมบูรณ์
• เดือนที่ 2: การกู้ทุ่นระเบิด: กำหนดพื้นที่ทดลอง (P-plot) และเริ่มเก็บกู้ทุ่นระเบิดหลายพันลูกอย่างจริงจัง ให้ได้มากที่สุด
• เดือนที่ 3: พื้นที่เพื่อมนุษยธรรม: จัดตั้งค่ายผู้ลี้ภัยหรือพื้นที่เพื่อมนุษยธรรมภายในกัมพูชา เพื่อให้ประชาชนที่อ้างสิทธิ์ในพื้นที่พิพาทสามารถกลับไปอยู่ในพื้นที่นั้นได้ โดยไม่ให้มาร้องขอหรือยึดพื้นที่ของเราอีก
• เดือนที่ 4: การเปิดด่านแบบมีเงื่อนไข: เริ่มเปิดด่าน โดยให้สินค้าจำเป็นก่อน จากนั้นจึงเป็นสินค้าทั่วไป สินค้าอุตสาหกรรมยังไม่ควรอนุญาตให้ผ่าน เพื่อไม่ให้กลายเป็นน้ำเลี้ยงในการต่อสู้
ดร.ปณิธานย้ำว่า หากสามารถดำเนินการตามแผนนี้ได้อย่างสำเร็จ ความนิยมของรัฐบาลจะดีขึ้นทันที
#ปณิธานวัฒนายากร #กัมพูชา #ชายแดน