เมื่อมารูนไฟว์ย้อนกลับสู่สูตรเดิม

ดนตรี / วรรณากร ทองเสริม

หลังจากห่างหายไปนานถึง 4 ปีนับจากอัลบั้ม Jordi (2564) วงป๊อปร็อกขวัญใจมหาชนอย่าง มารูนไฟฟ์ ก็ได้ฤกษ์ปล่อยสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 8 ที่มีชื่อว่า Love Is Like แบบเต็มๆ ออกมาเสียที โดยก่อนหน้านี้ พวกเขาได้ส่งเพลง “Priceless” กับ “All Night” ออกมาเรียกความสนใจจากคนฟังได้ไม่น้อย โดยเฉพาะเพลงแรกที่มี ลิซ่า แบล็กพิงก์ สาวเค-ป็อปสัญชาติไทยที่กำลังฮอตเป็นแขกรับเชิญ

อดัม เลอวีน ฟร้อนต์แมน ของให้สัมภาษณ์ให้ว่า อัลบั้มนี้เป็นความตั้งใจของวงที่จะกลับไปสู่ซาวด์และแก่นแท้ของดนตรีในแบบที่เคยสร้างชื่อให้พวกเขาในช่วงแรกๆ และพวกเขาก็ทำได้สำเร็จ

ต้องบอกว่า Love Is Like ทำให้มารูนไฟฟ์กลายเป็นวงป็อปอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการทำเพลงป็อปเป็นหลักและให้ความเป็นร็อคคือตัวเสริมที่เบาบางเหมือนหมอกควัน

เลอวีนและเพื่อนทำเพลงแบบไม่เกรงใจนักวิจารณ์ โดยมุ่งจะเอาใจแฟนคลับเป็นหลัก พวกเขาผสมผสานดนตรีฟังก์, ป๊อป, ร็อกและอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นเพลงรักที่ฟังเพลิน โชคดีที่ไลน์เบสอันโดดเด่นและเสียงกีตาร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเจมส์ วาเลนไทน์ยังพอจะทำให้อัลบั้มดูมีคุณค่าขึ้นมาบ้าง

สำหรับเพลงเด่นๆ นั้นแน่นอนว่า นอกจาก “Priceless (feat. LISA)” แล้ว ยังมี “Love Is Like (feat. Lil Wayne)” ที่ลิล เวย์น ใส่ความเป็นฮิป-ฮอป ลงไปในเพลงป๊อป-ร็อกได้อย่างลงตัว  ขณะที่ "All Night": เป็นป๊อป-ฟังก์ที่มีชีวิตชีวาและชวนให้ขยับแข้งขา ส่วน “Hideaway” คือเพลงป็อปจัดชนิดที่ฟังปุ๊บก็ติดหูปั๊บ

แต่ถ้าเป็นสายฟังเพลงสบาย ต้องหันไปหาเพลงแนวบัลลาดอย่าง “California” ที่มีเสียงร้องของเลอวีนคู่กับเสียงกีตาร์โปร่ง ให้บรรยากาศแบบแคลิฟอร์เนียได้สมชื่อ

ในภาพรวมแล้ว อัลบั้ม Love Is Like กับความยาวไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ไม่ได้ถึงกับแย่อะไรมากมาย นี่คือเพลงป็อปแบบที่แฟนเพลงมารูนไฟฟ์อยากฟังและน่าจะพอใจ สิ่งที่อัลบั้มนี้ไม่สามารถตอบสนองได้คือแง่มุมของความแปลกใหม่หรือความคิดสร้างสรรค์ทางดนตรี…ซึ่งเป็นสิ่งที่ ณ เวลานี้กับอัลบั้มนี้ เลอวีนและผองเพื่อนร่วมวงอาจไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก

 

ขอบคุณภาพจาก : Universal Music