คณะที่ปรึกษาด้านวัคซีนของสหรัฐฯ มีมติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2568 ให้ทบทวนการใช้วัคซีนรวมสำหรับเด็กเล็ก ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญของโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี รัฐมนตรีสาธารณสุข ในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงนโยบายสร้างเสริมภูมิคุ้มกันระดับชาติ
คณะกรรมการชุดนี้ ซึ่งทำหน้าที่ให้คำแนะนำต่อศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) มีมติไม่แนะนำให้ผู้ปกครองเลือกฉีดวัคซีนรวม หัด-คางทูม-หัดเยอรมัน-อีสุกอีใส (MMRV) สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบ โดยเสนอให้กลับไปใช้วิธีแยกเข็ม คือวัคซีนหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR) และวัคซีนอีสุกอีใส (Varicella) แทน
คณะกรรมการอ้างอิงผลการศึกษาหลายชิ้นที่ชี้ว่า เด็กเล็กที่ได้รับวัคซีนรวม MMRV มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการชักสูงกว่าเด็กที่ได้รับวัคซีนแบบแยกเข็ม ขณะที่ CDC เองก็มีคำแนะนำในแนวทางเดียวกันอยู่แล้ว ยกเว้นกรณีผู้ปกครองร้องขอให้ฉีดแบบเข็มรวม
การลงมติครั้งนี้ถือเป็นการตัดสินใจครั้งแรกของคณะกรรมการที่ปรึกษาชุดใหม่ 12 คน ซึ่งเคนเนดีเพิ่งแต่งตั้ง และหลายคนเคยมีบทบาทในการเคลื่อนไหวต่อต้านการใช้วัคซีนมาก่อน โดยเคนเนดีซึ่งมีจุดยืนต่อต้านวัคซีนมาอย่างยาวนาน กำลังเร่งผลักดันการเปลี่ยนแปลงนโยบายวัคซีนของชาติ โดยอ้างว่าเป็นการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบสาธารณสุข
ด้านบริษัทเมอร์ค (Merck) ผู้ผลิตวัคซีนรวม MMRV ออกแถลงการณ์โต้แย้งว่า การลงมติครั้งนี้ไม่มีข้อมูลวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆ มาสนับสนุน อีกทั้งยังขัดกับหลักฐานที่สะสมมายาวนานซึ่งยืนยันถึงประสิทธิภาพและความเหมาะสมของตารางการฉีดวัคซีนปัจจุบัน
บรรยากาศการประชุมตลอดทั้งวันเต็มไปด้วยความสับสน เนื่องจากกรรมการหลายคนยังไม่เข้าใจขั้นตอนการทำงาน บางคนสอบถามซ้ำถึงผลกระทบต่อความคุ้มครองประกันสุขภาพ จนมีกรรมการหนึ่งรายต้องงดออกเสียงเพราะไม่เข้าใจประเด็นที่จะลงมติ
ดร.นอร์แมน เบย์เลอร์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยวัคซีนของ FDA แสดงความเห็นว่า “มันสับสนมาก พวกเขาต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจน” ขณะที่ ดร.บรูซ เกลลิน อดีตผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “ผมประหลาดใจที่ไม่มีใครหยุดกระบวนการนี้เลย หากต้องการสร้างความเชื่อมั่น ผมว่าเรายังต้องเดินทางอีกไกล”
กรรมการบางส่วนยังท้วงติงถึงการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการพิจารณาหลักฐานก่อนการลงมติ โดยระบุว่าไม่มีการตั้งคณะทำงานเพื่อกลั่นกรองข้อมูลเหมือนในอดีต อีกทั้งยังมีการถอดตัวแทนจากสมาคมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนออกจากกระบวนการพิจารณา
ดร.แอรอน มิลสโตน จากศูนย์การแพทย์เด็กจอห์นส์ ฮอปกินส์ กล่าวว่ามติดังกล่าวจะทำให้เด็กเข้าถึงวัคซีนน้อยลง และยังจำกัดสิทธิของผู้ปกครองที่ต้องการให้บุตรได้รับการฉีดวัคซีนน้อยเข็ม
นอกจากนี้ คณะกรรมการยังเลื่อนการลงมติเรื่องวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีไปเป็นวันศุกร์ที่ 19 กันยายน โดยมีข้อเสนอให้ชะลอการฉีดในทารกแรกเกิดออกไปเป็นช่วงอายุ 1 เดือน ยกเว้นกรณีมารดาติดเชื้อ รวมถึงเตรียมลงมติเรื่องคำแนะนำวัคซีนโควิด-19 ในวันเดียวกันด้วย
#วัคซีน #MMRV #MMR #อีสุกอีใส #สหรัฐอเมริกา #เคนเนดี #CDC #วัคซีนเด็ก #ข่าวต่างประเทศ #สุขภาพ