วันที่ 18 กันยายน 2568 ที่บ้านสวน ณ หัสดิน หมู่บ้านไปรเวง ต.ตระแสง อ.เมือง จ.สุรินทร์ แหล่งกิน เที่ยว เซลฟี่สไตล์วินเทจ ผสมผสานธรรมชาติ บนพื้นที่ 20 กว่าไร่   ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ไม่ถึง 10 กิโลเมตร โดยเจ้าของเป็นนักธุระกิจรับติดตั้งเครื่องล้างรถหยอดเหรียญและนักสะสมของเก่าโบราณ ที่ได้เนรมิตสร้างขึ้นได้เนรมิตผืนไร่นาอันแห้งแล้งขึ้นได้อย่างสวยงามและลงตัว ทั้งอาคารที่ใช้สังกะสีเก่าและไม่เก่าเป็นหลัก พร้อมทั้งจัดโซนบ้านสวน ท้องทุ่งนา ลำธารที่เป็นธรรมชาติ มีต้นไม้สวยงามนาๆพรรณ ให้ผู้ที่เข้ามาชมได้ถ่ายรูปเซลฟี่กันได้อย่างหนำใจทุกมุม เหมือนยกเขาใหญ่บางส่วนมาไว้ตรงนี้เลยก็ว่าได้ โดยบ้านสวน ณ หัสดิน ตอนนี้สร้างได้แค่ประมาณ 60 % แต่เจ้าของทนคำเรียกร้องจากคนส่วนใหญ่ไม่ไหว จึงได้เปิดให้เข้าชมก่อนกำหนด ในแต่ละวันจะมีสายกินสายเที่ยวเข้ามาตลอดทั้งวันไม่ขาดสายในช่วงนี้

โดยบ้านสวน ณ หัสดิน ใช้งบประมาณไปเกือบ 20 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 20 ไร่  ที่ได้เนรมิตผืนไร่นาอันแห้งแล้งให้เขียวชะอุ่ม สวยงามและลงตัว มี นายดวง จิรัฐติกร หรือเสี่ยอ้น อายุเพียง 34 ปี เป็นเจ้าของ และยังมีธุรกิจจำหน่ายติดตั้งตู้ล้างรถหยอดเหรียญ ในราคาเริ่มต้นที่หลักหมื่นบาทและเป็นนักสะสมของเก่า คำว่า หัสดิน ความหมายคือพญาช้างที่บินได้ สอดคล้องกับสุรินทร์ เป็นเมืองช้าง มีหมู่บ้านช้างเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในโลก เดิมทีตนทำธุรกิจเกี่ยวกับของสะสม ของวินเทจ รับตกแต่งร้านแนววินเทจ เหมือนที่ชาวสุรินทร์ส่วนใหญ่ไปเห็นที่งานช้างสุรินทร์ ซึ่งตนเองเน้นขายของเก่าสะสมในออนไลน์ ตนจึงอยากทำตรงนี้ ซึ่งไม่ได้ตั้งใจจะทำคาเฟ่เลย แค่อยากทำสถานที่ให้เป็นที่พักผ่อนส่วนตัว แต่ว่าคนส่วนใหญ่ที่ติดตามตน จะมองว่าตนนั้นทำเป็นคาเฟ่ ตนเองจึงตัดสินใจหันมาทำคาเฟ่ด้วยเลย โดยได้แบ่งส่วนที่เป็นคาเฟ่ อยู่ภายในอาคารหลังใหญ่ที่แบ่งโซนได้อย่างลงตัว มีทั้งคาเฟ่ ห้องรับรองลูกค้า(มีแอร์) ร้านโชว์ห่วยเก่า โรงรับจำนำเก่า และโซนนั่งรับประทานอาหารสไตล์วินเทจ

ซึ่งเนรมิตทุ่งนาแห้งแล้งกลายเป็นเขาใหญ่ขนาดย่อม หลักๆจะเป็นตีมย้อนยุค มีพื้นที่ทั้งหมด 20 ไร่ ในทุกตารางนิ้ว ตนจะออกแบบเองทั้งหมด สามารถเดินถ่ายรูปได้ทุกที่  อย่างโซนด้านหน้าก็จะเป็นแนวเขาใหญ่ มีโซนลำธารเนรมิตให้เหมือนทำชาติให้มากที่สุด โซนท้องทุ่งนาสะพานไม้ อนาคตจะทำในส่วนของลานกางเต็นท์ เป็นลานกว้างเพื่อให้คนทำกิจกรรมได้ ส่วนใหญ่แล้วตนจะเน้นคำว่ากิจกรรมของครอบครัวมากกว่า ตนให้พื้นที่เหมือนเป็นที่สาธารณะได้เลย เข้ามาไม่ซื้อไม่เป็นไร

เสี่ยอ้น กล่าวต่ออีกว่า ตนเองเรียนจบสาขาภูมิทัศน์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ เป็นคนชอบต้นไม้ ชอบธรรมชาติ ซึ่งตนได้ดูแลต้นไม้ใบหญ้าให้เขียวชะอุ่มอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะเป็นฤดูแล้งก็ตาม ซึ่งได้ปรับสถานที่จากผืนนาแห้งแล้ง ให้มีลำธารโดยรอบให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด ตนพยายามทำให้พื้นที่ตรงนี้เป็นที่รู้จักของผู้คน มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว ก่อให้เกิดรายได้ และเกิดการจ้างงานภายในชุมชน ซึ่งตอนนี้ตนมีพนักงานที่เป็นคนในพื้นที่กว่าร้อยชีวิต และยังเป็นการพัฒนาชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้นอีกด้วย ตนเป็นเด็กกำพร้า อยู่กับตา-ยาย มาตั้งแต่เด็ก แม่เสียชีวิตไปตั้งแต่ตนเองอายุได้ 7 ขวบ แต่ก็โชคดีที่ชาวบ้านทุกคน เอ็นดูตน ปั่นจักรยานขายของส่งตัวเองเรียน จนเรียนจบ ม.3 และเรียนต่อ กศน.จนจบ ม.6 ระหว่างนี้ก็ได้ลองทำเครื่องหนังมาขาย จึงเริ่มต้นธุรกิจซื้อขายเครื่องหนัง และได้เข้าไปสมัครเรียนที่ ม.ราชมงคลฯสุรินทร์ สาขาภูมิทัศน์ และได้รับทุนการศึกษาจนเรียนจบออกมา ขอขอบคุณทางคณาจารย์และสถาบัน ที่ช่วยเหลือเรื่องทุนการศึกษาในทุกด้านจนทำให้ตนมีวันนี้