ความเคลื่อนไหวทางการเมืองของ “พรรคภูมิใจไทย”ที่เต็มไปด้วยความคึกคัก เพราะมีบรรดา “บ้านใหญ่” สารพัดกลุ่มการเมือง ไหลเข้าพรรคกันต่อเนื่อง คล้ายกับว่า “พรรคสีน้ำเงิน” คือแม่เหล็กทางการเมืองไปแล้ว

ตลอดหลายวันที่ผ่านมา  ระหว่างที่หลายคนกำลังรอลุ้นหน้าตา “ครม.ใหม่” ที่นำโดย “อนุทิน ชาญวีรกูล”  นายกรัฐมนตรี คนที่ 33 ว่าจะมีใครสร้างเซอร์ไพรส์หรือไม่ ปรากฏว่าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ต้องเปิดประตูต้อนรับ “สมาชิกใหม่” กันชนิดหัวบันไดไม่แห้ง

17 ก.ย.68 “ลูกหมี” ชุมพล จุลใส  อดีต สส.ชุมพร หลายสมัย นำทีม “พลังชุมพร” ที่มีถึง 50 ชีวิต ไปเปิดตัวร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย อย่างเป็นทางการ หลังจากที่มีกระแสข่าวมาก่อนหน้านี้ โดยมี “แม่ทัพภาคใต้” อย่าง “พิพัฒน์ รัชกิจประการ”  แกนนำพรรคภูมิใจไทย ดูแลพื้นที่ภาคใต้ มารอต้อนรับด้วยตัวเอง

ขณะเดียวกัน ยังมี “บ้านใหญ่กาญจนะ” ที่นำโดย​ ชุมพล กาญจนะ​ และโสภา กาญจนะ​ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี​ เข้ามาสังกัดพรรคภูมิใจไทยอีก

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า มีการทาบทาม “สมชาย โล่สถาพรพิพิธ”  อดีตสส.ตรัง เข้าร่วม และก่อนหน้านี้  “นิพนธ์ บุญญามณี” ​อดีตสส.สงขลา  ได้มาเปิดตัวไปเรียบร้อยแล้ว 

ข่าวล่ามาแรง ยังชี้เบาะแสด้วยว่า ปฏิบัติการ “ดูด” ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ เพราะในวันที่ 11 ต.ค. มีรายงานว่า “ชินวรณ์ บุณยเกียรติ” อดีตสส. 9 สมัยของพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมเปิดตัวเข้าร่วมงานกับพรรคสีน้ำเงินอีกราย

การเปิดตัวเปิดหน้า จาก บรรดาอดีตขุนพลค่ายประชาธิปัตย์ ที่คุมสนามเลือกตั้งแดนใต้ พาเหรดเข้าพรรคภูมิใจไทย จะ “ผิดเงื่อนไข”  MOA ที่พรรคภูมิใจไทย ทำเอาไว้กับพรรคประชาชน หรือไม่ เป็น 1ใน 5 ข้อที่กำหนดให้พรรคภูมิใจไทยต้องดำรงสถานะ ”รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ไม่เติมเสียง จนกลายเป็นการเพิ่มจำนวนสส.

แต่อย่าลืมว่า อีกด้านหนึ่ง การที่บรรดาอดีตสส.และสส. เข้าสังกัดพรรคสีน้ำเงิน อาจอธิบายในอีกแง่มุมหนึ่งได้ว่า เป็นเรื่อง “เฉพาะ” ทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทย ไม่เกี่ยวกับ จำนวนสส.ที่จะเพิ่มขึ้นหรือไม่ใน “สภาฯ”

การเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทย ดูเหมือนว่าจะ “รุดหน้า” ในมิติทางการเมืองเพื่อเตรียมตัว “ลุยสนามเลือกตั้ง” จัดสรร จัดวางสรรพกำลังในแต่ละฐานที่มั่น ทั้งอีสานและโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือพื้นที่ “ภาคใต้” ซึ่งมีเขตเลือกตั้งให้ชิงกันถึง 54 เก้าอี้ และในการเลือกตั้งรอบหน้า มีการคาดหมายกันแล้วว่าสนามภาคใต้จะเป็นการสู้กันระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับ “พรรคกล้าธรรม” ของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม

แต่รอบนี้ เมื่อพรรคสีน้ำเงิน กำลังวางค่ายกล จัดทัพเตรียมลุยสนามเลือกตั้งภาคใต้ ด้วยการวางเป้า “ขั้นต่ำ” เอาไว้ ที่ “30 สส.” และอาจ “มากกว่านั้น”  ในความเป็นจริง

การปรับทัพของพรรคสีน้ำเงิน เพื่อเตรียมตัวเลือกตั้งใหม่ ตาม MOA ที่ทำเอาไว้กับพรรคส้ม อยู่ที่การประกาศยุบสภา ภายใน 4เดือน หรืออาจจะ “ลากยาว” ไปมากกว่านั้น แต่สุดท้าย ทุกพรรคจะต้อง “จอดป้าย” ที่สนามเลือกตั้ง

ดังนั้นทุกความเคลื่อนไหว ของแต่ละพรรคการเมือง จึงต้องเร่ง ทำการเมือง ด้วยกันทั้งหมด ไม่เฉพาะ พรรคสีน้ำเงิน เท่านั้น แต่ยังรวมถึง พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องเร่งหา “หัวหน้าพรรคคนใหม่” และ “แคนดิเดตนายกฯ”

ขณะที่พรรคส้ม เองหลังจากที่ทำหน้าที่เป็นเสมือน “นั่งร้าน” โหวตเลือกอนุทิน เข้าไปเป็นนายกฯคนใหม่ กำลังอยู่ในภาวะ “ติดกับดัก” ทางการเมือง เพราะเมื่อส่ง อนุทิน เข้าไปเป็นนายกฯ แต่กลับเป็นฝ่ายถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง

เพราะยังมี “งานใหญ่” ที่ต้องเตรียม “พิสูจน์ฝีมือ” ด้วยการตรวจสอบ “รัฐบาล” ในสภาฯ จากนี้ไป ทั้งวาระการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ไปจนถึงการใช้กลไกในสภาฯ ตามติดนายกฯหนู เพื่อลบล้าง “ข้อครหา”ที่พรรคเพื่อไทย หยิบมาโจมตีว่าการโหวตให้ภูมิใจไทยรอบนี้ คือการเปิดดีล “แลกประเทศ”  

พรรคภูมิใจไทย วันนี้ถูกจัดเอาไว้ในฐานะ พรรคการเมืองที่พร้อมจะ "เติบโต" กวาดสส.เข้าสภาฯ ในรอบหน้าได้มากกว่าที่มีอยู่วันนี้ 69 สส. ด้วยความพร้อมทั้ง "กระสุน"  และ "กระแส" ที่กำลังรอปล่อยนโยบายเรือธง ให้โดนใจประชาชน เตรียมรับบท "แกนนำอนุรักษ์นิยมใหม่" แทนที่ "พรรคเพื่อไทย"