“ยิ่งชีพ อัชฌานนท์” ผอ.ไอลอว์ ชี้พรรคการเมืองบางพรรคเสนอโมเดล ส.ส.ร.ทั้งที่ยังไม่เห็นคำวินิจฉัยฉบับเต็มของศาลรัฐธรรมนูญ ถือเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่ง อาจนำไปสู่การได้มาซึ่ง “โมเดลที่ยอมจำนน” โดยไม่จำเป็น สุดท้ายประชาชนไม่มีส่วนร่วมในการออกแบบอนาคตของตัวเองอย่างเต็มที่ ย้ำการออกแบบกติกาในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ควรเป็นไปอย่างรอบคอบ ไม่รีบร้อน
วันที่ 18 ก.ย.2568 ที่รัฐสภา นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้อำนวยการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) กล่าวถึงความเป็นไปได้ของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับภาคประชาชนที่จะเสนอพร้อมกับร่างของพรรคการเมืองว่า เราต้องการให้มีผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน หรือมาจากกระบวนการที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ได้มีการแต่งตั้งหรือหยิบเลือกจากคนกลุ่มเดียว หรืออำนาจทางการเมือง หรือฝักใฝ่การเมืองเพียงบางฝ่ายเท่านั้น เราไม่อยากเห็นอำนาจทางการเมืองฝั่งไหนที่มีอำนาจมากกว่าคนอื่น ๆ ในกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญ หากพรรคการเมืองเสนอร่างต่าง ๆ ที่เราดูแล้วว่าไม่ได้มีระบบการได้มาซึ่งผู้ร่างรัฐธรรมนูญที่รับได้ เราก็อยากเสนอร่างอื่นเข้าแข่ง ทั้งนี้กระบวนการเสนอร่างของภาคประชาชนโดยปกติแล้วใช้เวลาพอสมควร ต้องเข้าชื่อ 50,000 รายชื่อ และรายชื่อต้องตรวจสอบอย่างเร็วประมาณ 1 เดือน ถ้าร่างของภาคประชาชนเป็นเหตุให้สภาฯ ต้องรอ เพื่อพิจารณาประกบจะทำให้ช้า และกระทบกับ MOA จัดตั้งรัฐบาล เราจึงไม่ได้คาดหวังให้รัฐสภาต้องรอ หากดูกระบวนการแล้วมีความพยายามทำให้ไม่ทัน ไม่เร่ง และเวลาเหลือพอ รวมถึงโมเดลของพรรคการเมืองที่เสนอไม่ตอบโจทย์ จึงจำเป็นต้องเชิญชวนประชาชนเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย
เมื่อถามว่าโมเดล ส.ส.ร.ของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยจะทำให้เปิดช่องคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญในครั้งต่อไป มีความกังวลหรือไม่นั้น นายยิ่งชีพ ยอมรับว่า กังวล โมเดลของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยเปิดเผยต่อสาธารณะ ถือว่ายังเป็นการรับฟังความคิดเห็น ยังไม่ใช่ร่างอย่างเป็นทางการ ขอชื่นชมว่าทั้ง2พรรคมีความพยายามให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเลือกผู้ร่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ก็ขอท้วงติงว่าเร็วเกินไป เพราะเรายังไม่เห็นคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญตัวเต็ม แต่เหมือนทั้ง2พรรคยอมรับไปแล้วว่าไม่เลือกตั้งโดยตรงก็ได้ อย่างน้อยต้องรอเห็นคำวินิจฉัยก่อนแล้วถึงมาดูช่องทางให้ประชาชนตัดสินใจมีส่วนร่วม อาจจะมีโมเดลที่ดีกว่านี้ได้ จึงขอให้ทั้งสองพรรคไม่ต้องรีบตราบใดที่ยังไม่เห็นคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญตัวเต็ม
“ตอนนี้ต้องยืนยันว่าเราต้องการ ส.ส.ร.เลือกตั้งโดยตรง เป็นร่างเดิมที่ทั้งสองพรรคเสนอไว้เมื่อต้นปี 68 แต่ถ้าคำวินิจฉัยออกมาแล้วติดขัดก็ค่อยมาหาโมเดลใหม่ น่าจะดีกว่า กังวลว่าหากคำวินิจฉัยออกมา ดีไม่ดีมีรายละเอียดที่แย่กว่า หรือปิดกั้นกว่าฉบับย่อ ร่างทั้ง 2 ฉบับที่เผยแพร่ออกมาเป็นไอเดีย สำหรับการถกเถียงก็กลัวว่าจะไม่ได้อีก จึงขออย่าเพิ่งรีบเสนอโมเดลใหม่ วันนี้ต้องทวงถามคำวินิจฉัยฉบับเต็มให้เร็วที่สุด แล้วค่อยมาออกแบบรายละเอียดหลังจากนั้น” นายยิ่งชีพ กล่าว
นายยิ่งชีพ กล่าวต่อถึงความไม่ชัดเจนของพรรคภูมิใจไทยว่ามีความกังวลมาก เมื่อดูจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญฉบับย่อและการที่พรรคภูมิใจไทยยังไม่ยืนยันอะไร กังวลว่าจะมีการกำหนดให้ผู้ร่างรัฐธรรมนูญมาจากสมาชิกรัฐสภาที่หมายถึง สส.และ สว. ซึ่งต่อให้มีสัดส่วนเท่ากัน ไอลอว์ยืนยันไม่เห็นด้วย ว่าสมาชิกรัฐสภาชุดปัจจุบันนี้จะสามารถตั้งผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้ เพราะไม่เคยหาเสียงหรือประกาศนโยบายก่อนการเลือกตั้ง ขณะเดียวกันก็ไม่มีความชอบธรรมที่จะเสนอ โดยเฉพาะ สว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ถูกตั้งข้อสังเกตว่าถูกครอบงำ อาจสะท้อนแนวทางว่าทำอะไรการคิดเหมือนกัน อย่างน้อย สว.150 เชื่อว่าฝ่ายการเมืองฝ่ายหนึ่งสามารถควบคุมผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้
เมื่อถามว่าหากโมเดล ส.ส.ร. มีลักษณะเหมือนกับตอนร่างรัฐธรรมนูญปี 2539 นายยิ่งชีพ กล่าวว่า เป็นความพยายามที่ดีแต่ยังดีไม่พอ เพราะปี 2539 ให้ผู้ที่ต้องการเป็น ส.ส.ร. สมัครเข้ามาเอง และให้สมาชิกรัฐสภาเลือกภายหลัง ซึ่งการให้เลือกตนเอง มีบทเรียนจากการยกร่างปี 67 ว่าระบบดังกล่าวใครพวกมากก็ลากกันไป ต่างคนจะเกณฑ์คนของตนเองไปสมัครให้เยอะที่สุด
เมื่อถามว่าการขอเสียงจาก สว. ที่กฎหมายกำหนดให้เห็นชอบด้วย 1 ใน 3 แม้ไม่อาจพูดโดยตรงได้ว่าสามารถควบคุม สว.ได้หรือไม่ นายยิ่งชีพ กล่าวว่า หวังพรรคภูมิใจไทยน่าจะส่งสัญญาณถึง สว.ด้วย ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าในช่วง 10 ที่ผ่านมายังไม่มีเสียงคัดค้านจาก สว.แตกต่างจากการทำรัฐธรรมนูญครั้งก่อน เห็นว่า สว. สีน้ำเงินยังไม่มีใครพูดอะไร น่าจะรอฟังสัญญาณทางการเมืองจากรัฐบาลชุดใหม่ที่นำโดยพรรคภูมิใจไทยอยู่
เมื่อถามว่าเป็นไปได้ที่พรรคภูมิใจไทยและ สว.จะแบ่งบทกันเล่น นายยิ่งชีพ กล่าวว่า เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น ถ้ารัฐบาลพรรคภูมิใจไทยเสนอร่างแก้รัฐธรรมนูญ และพรรคภูมิใจไทยโหวตผ่าน แต่สุดท้าย สว.โหวตไม่ผ่านคิดว่าก็จะเป็นเหมือนเดิม คือรัฐบาลที่นำประเทศอยู่จะต้องรับผิดชอบ เพราะจะต้องมีพื้นที่และภารกิจในการเจรจากับ สว.ด้วย ซึ่งหากไม่สามารถทำตามสัญญาได้ถือเป็นความล้มเหลวของรัฐบาล
ด้านน.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล ตัวแทนจากไอลอว์ กล่าวถึงความมั่นใจที่จะจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จทันก่อนยุบสภาเพื่อนำไปทำประชามติหรือไม่ว่า หากเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่การทำประชามติ ที่คำถามครั้งที่ 1 และคำถามครั้งที่ 2 จะต้องถามพร้อมกันในรอบแรก เป็นไปค่อนข้างยาก แต่ก็มีช่องทางที่เป็นไปได้ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้รัฐบาลจะต้องออกแบบไทม์ไลน์อย่างรอบคอบ ว่าจะประกาศวันที่เคาะคำถามการทำประชามติ และวันที่จะยุบสภาเมื่อไหร่ ถึงจะไปครบกำหนดวัน ที่จะทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปได้ ครม.อาจจะต้องการไทม์ไลน์ให้ทุกภาคส่วนเห็นว่าข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในระยะเวลาเท่าไร จะได้ทำความเข้าใจร่วมกัน โดยฝ่ายการเมืองจะต้องรอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญฉบับเต็ม ก่อนที่จะมาเดินหน้ายกร่างโมเดลที่มา ส.ส.ร. ยืนยันว่าอำนาจในการออกแบบ ส.ส.ร. อยู่ที่รัฐสภา หากสมาชิกรัฐสภาเข้าใจคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ และโต้แย้งว่าเหตุใดประชาชนถึงไม่มีสิทธิ์เลือก ส.ส.ร. โดยตรงได้ ก็เป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักมากพอที่จะยืนยันได้ว่า ประชาชนต้องเลือกผู้ร่างได้โดยตรง