ชาวนาบุรีรัมย์แห่เข้าคิวรอถอนเงินไร่ละพันแถวยาวเหยียด บางตู้เงินหมด หลายคนรอไม่ไหวยอมไปกดถอนต่างธนาคารแม้จะเสียค่าธรรมเนียม รีบนำเงินไปซื้อปุ๋ยใส่นาข้าว วอน "นายกฯ อนุทิน" ช่วยพยุงราคาข้าวไม่ให้ต่ำกว่าตันละ 15,000 

วันที่ 18 ก.ย.68 ชาวนาจากหลายตำบล ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองบุรีรัมย์ และอำเภอใกล้เคียง ต่างพากันนำบัตร ATM  ไปเข้าคิวรอกดถอนเงินโครงการช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท  ที่ตู้ ATM หน้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาเสด็จนิวัติ ฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เป็นแถวยาวเหยียดตั้งแต่ช่วงเช้า จนเงินที่เจ้าหน้าที่เติมใส่ตู้ไว้ไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ต้องนำเงินมาเติมเพิ่ม ซึ่งบางคนก็ยอมที่จะนั่งรอจนกว่าเจ้าหน้าที่จะเติมเงินใส่ตู้เสร็จ แต่บางคนไม่รอเลือกที่จะนำบัตร ATM ไปกดถอนยังตู้ของธนาคารอื่น แม้จะเสียค่าธรรมเนียมในการกดถอนต่างธนาคารก็ตาม เพราะตั้งใจมาถอนเงินไปซื้อปุ๋ยใส่นาข้าว เพราะถ้าไม่ได้ซื้อวันนี้ก็ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายเติมน้ำมัน หรือจ้างรถ มาถอนเงินและซื้อปุ๋ยวันหลังอีก    

ซึ่งชาวนาต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่เกิดประโยชน์กับชาวนาอย่างแท้จริง เพราะสามารถนำไปซื้อปุ๋ย จ่ายค่าไถ ค่าเกี่ยว เพื่อลดต้นทุนการทำนาได้อย่างดี จึงอยากให้มีโครงการดังกล่าวต่อเนื่อง ทั้งนี้ยังได้วอนให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ได้ออกมาตรการพยุงราคาข้าวไม่ให้ต่ำกว่า 15,000 บาท 

นางส่อง วงสามาร ชาวนาบ้านใหม่พัฒนา ตำบลสะแกโพรง อ.เมืองบุรีรัมย์ บอกว่า วันนี้เพิ่งได้รับเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาทโอนเข้าบัญชี 3,000 บาท พอนำบัตร ATM  จะไปกดถอนเงินที่ตู้กลับพบว่าเงินในตู้หมดต้องรอเจ้าหน้าที่เติมเพิ่ม ก็ยอมที่จะนั่งรอเพราะตั้งใจจะนำเงินดังกล่าวไปซื้อปุ๋ยใส่นาข้าว ดีใจและขอบคุณที่รัฐมีโครงการช่วยเหลือชาวนา ซึ่งสามารถแบ่งเบาภาระต้นทุนในการทำนาได้เป็นอย่างดี ก็อยากให้มีโครงการนี้ต่อเนื่อง และหากเป็นไปได้ก็อยากให้นายกรัฐมนตรี คนใหม่  ช่วยออกมาตรการพยุงราคาข้าวไม่ให้ต่ำกว่าตันละ 15,000 บาท ให้เพราะราคาข้าวไม่สอดคล้องกับต้นทุนทำนา

ด้านนายสุพรรณ ไกรศร ชาวนาบ้านตะโกรี ต.สำโรง อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ บอกว่า วันนี้พาญาติมาโรงพยาบาลในตัวเมือง จึงนำบัตร ATM ไปลองกดดูที่ตู้ก็พบว่าเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท โอนเข้าบัญชีแล้ว ก็ตั้งใจจะกดไปซื้อปุ๋ยแต่ถอนไม่ได้เพราะเงินในตู้หมด เนื่องจากมีชาวนามากดถอนเงินเยอะ ก็จะลองไปถอนตู้อื่นแทนเพื่อจะนำเงินไปซื้อปุ๋ยใส่นาข้าว ก็ขอบคุณที่รัฐบาลช่วยเหลือชาวนา เพราะหากไม่มีเงินไร่ละ 1,000 บาท ชาวนาคงเดือดร้อนต้องไปกู้ยืมเงินนายทุนซึ่งมีดอกเบื้อสูงอีก   ก็อยากให้มีโครงการนี้ต่อเนื่อง   

ทั้งนี้ ยังได้ฝากท่านนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ช่วยหามาตรการพยุงราคาข้าวเปลือกไม่ให้ต่ำกว่าตันละ 15,000 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนทำนาที่แพงขึ้นด้วย