"อันวาร์ อิบราฮิม" นายกฯมาเลเซีย เปิดประชุมAIPA กล่าวถ้อยแถลงประเด็นความขัดแย้งในภูมิภาค-ปัญหาวิกฤตในเมียนมา ย้ำอาเซียนจะใช้กลไกของตัวเองไม่ให้มหาอำนาจภายนอกเข้ามากำหนดทิศทาง ถือเป็นการประกาศจุดยืนที่แข็งแกร่งสะท้อนความเป็นเอกภาพของภูมิภาค พร้อมทำงานร่วมกับผู้นำไทย-กัมพูชาเพื่อแก้ไขปัญหาชายแดน เป็นการตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นที่ผู้นำในอาเซียนมีต่อกันและกัน

วันที่ 18 ก.ย.2568 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียน มีการประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน หรือ AIPA ครั้งที่ 46 เปิดฉากเริ่มต้นการประชุมอย่างเป็นทางการ ภายใต้หัวข้อหลักการประชุม “ รัฐสภาในฐานะผู้นำเพื่อการเติบโตอย่างครอบคลุมและอาเซียนที่ยั่งยืน” โดยมีนายตัน ศรี ดาโต๊ะ โจฮารี บิน อับดุล ประธานสภาผู้แทนราษฎรมาเลเซีย ในฐานะประธาน AIPA กล่าวต้อนรับประเทศสมาชิกสมัชชารัฐสภาอาเซียน 10 ประเทศ ซึ่งประกอบด้วย มาเลเซีย , อินโดนีเซีย , ฟิลิปปินส์ , สิงคโปร์ , ไทย , เวียดนาม , ลาว , กัมพูชา , บรูไน และ เมียนมาร์ แขกพิเศษจำนวน 3 ประเทศได้แก่ รัฐสภาสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย / รัฐสภาราชอาณาจักรสเปน และรัฐสภาสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล และองค์กรที่เป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของ AIPA อีก 9 องค์กร ซึ่งในส่วนนี้ไม่รวมประเทศผู้สังเกตการณ์ของ AIPA อีก 24 ประเทศ

จากนั้น นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรี ประเทศมาเลเซีย ได้เดินทางมาเป็นเกียรติ  กล่าวในพิธีเปิดการประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน (AIPA) ว่า  เป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นเจ้าภาพในการประชุมครั้งนี้ อย่างที่ตนได้กล่าวไปว่านี่คือการรับผิดชอบทางด้านประชาธิปไตย ซึ่งเป็นเหมือนวาทะกรรมของสมาชิกสภาของนักการเมือง และด้วยความรับผิดชอบทางด้านประชาธิปไตย ต้องทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนที่ดี โดยจะเน้นไปที่การพัฒนาประเทศและสวัสดิการของประชาชน  รวมถึงวาระการปฏิรูปต่างๆ ตนทราบถึงบทบาทของรัฐสภาเป็นอย่างดี  แม้ตนจะอยู่ในฐานะนายกรัฐมนตรีแต่บางครั้งก็ต้องไปตอบกระทู้ในสภา ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำ และนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีก็ต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ เพราะถือเป็นความรับผิดชอบด้านประชาธิปไตย ไม่ใช่เพียงการเลือกตั้งทุก 4-5 ปี แต่ประชาธิปไตยคือเรื่องของระบบที่อนุญาตให้รัฐบาลต้องมาตอบคำถาม หรือรับการวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณะชน และในฐานะสมาชิกรัฐสภาก็มีสิทธิ์โดยชอบในการตั้งคำถามเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล 

นายอันวาร์ กล่าวว่า บทบาทของรัฐสภาคือการทำให้มั่นใจว่าเราอยู่ที่นี่ในฐานะตัวแทน ความต้องการ ของประชาชน  ต้องมีความเข้าใจว่าอำนาจจะนำไปสู่คอรัปชั่น และเมื่อมีอำนาจสมบูรณ์ก็จะนำไปสู่การคอรัปชั่นที่สมบูรณ์ หากคนที่มีอำนาจมากเกินไปก็อาจจะนำไปสู่การคอรัปชั่นขนาดใหญ่ นั่นคือการคอรัปชั่นเชิงระบบ ตนจึงขอชื่นชม และขอบคุณประเทศสมาชิกที่ร่วมกันทำให้ อาเซียนว่าเรามีความก้าวหน้า  ทางด้านเทคโนโลยี AI รวมถึงการเปิดโอกาสให้เยาวชนและบทบาทของสตรี รวมถึงความร่วมมือต่างๆ ซึ่งหลายๆอย่างมาเลเซียก็ยังไม่ได้ทำบางอย่างได้ทำไปแล้วและยืนยันจะทำต่อไปในอนาคต

“ไม่ว่าจะเป็นประเด็นความขัดแย้ง ไทย-กัมพูชา  ต้องคิดถึงประชาชน ซึ่งในฐานะที่ผมเป็นประธานอาเซียน ผมอยากให้ผู้นำอาเซียนทั้งหลายทราบว่า ก่อนหน้านี้มีการเชิญนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศมาที่กัวลาลัมเปอร์ เพื่อลงนามความเข้าใจ และหลังจากการประชุมในครั้งนั้น ผมก็ยังติดต่อกับผู้นำทั้งสองประเทศซึ่งหมายความว่า อาเซียนโดยผู้นำทางการเมืองกำลังทำงานร่วมกัน อยู่บนฐานของความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน ซึ่งจิตวิญญาณนี้ก็ยังคงอยู่และหวังว่าจะยังคงส่งต่อจิตวิญญาณนี้ในอนาคตต่อไปด้วย“นายอันวาร์ กล่าว

นายอันวาร์ กล่าวว่า แม้จะมีปัญหาเกิดขึ้นในหลายที่แต่เรายังเป็นภูมิภาคที่มีความเป็นเอกภาพมากที่สุดในโลก และ ยังเป็นภูมิภาคที่มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก มีการทำงานร่วมกันทางด้านเทคโนโลยี ทางอาหาร มีการแบ่งปันสิ่งเหล่านี้ และอีกหลาย 10 ปีจากนี้ไป แม้จะมีปัญหาเรื่องเมียนมาร์อยู่แต่ก็มีความก้าวหน้าตามลำดับ ยืนยันว่าในฐานะที่มามาเลเซียเป็นประธานอาเซียนจะพยายามใช้ กลไกในการแก้ปัญหาในเมียนมาร์ แต่อย่างน้อยเราก็พยามจัดการปัญหาในภูมิภาคของตัวเองโดยที่ไม่ให้คนอื่นเข้ามาชี้นำ ไม่มีการเลือกปฏิบัติ ไม่มีการแบ่งแยก และเราต้องหยุดความโหดร้ายทำร้ายกันและในระดับโลกต้องทำให้เห็นว่าการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมนั้น ทุกประเทศต้องให้ความร่วมมือกันและให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยไม่เลือกว่าเป็นใคร