ชาวลุ่มน้ำปากพนังยืนยันปลาหมอคางดำกลืนกลายนิเวศน์เดิมเป็นปลาประจำถิ่นแล้ว ยึดครองทุกแหล่งน้ำ เชื่อไม่สามารถควบคุมแก้ไขได้แล้ว

วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาใหญ่เรื่องปลาหมอคางดำ ในระบบนิเวศน์ลุ่มน้ำปากพนังโดยเฉพาะในตำบลท่าพญา ตำบลขนาบนาค อำเภอปากพนัง ซึ่งเป็นพื้นที่ระบาดรุนแรงของปลาหมอคางดำมาอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แม้กรมประมงจะมีความพยายามในการกวาดล้างด้วยการจับทำลายและนำไปใช้ประโยชน์หลายรูปแบบมาอย่างต่อเนื่องทั้งยังระบุว่าสถานการณ์ดีขึ้นมีปริมาณปลาหมอคางดำในธรรมชาติลดน้อยลง แต่จาการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่รวมทั้งมีการตรวจสอบแหล่งน้ำธรรมชาติ ลำคลอง ลำเหมือง และลำบางสาธารณะหลายจุดในตำบลขนาบนาค ตำบลท่าพญา อำเภอปากพนัง ปรากฎว่าทุกเช้าจะมีปลาหมอคางดำลอยหัวให้เห็นหนาแน่นโดยไม่มีปลาชนิดอื่นปะปน หรือมีน้อยมากแทบไม่พบเห็นเลย

ชาวบ้านในพื้นที่ให้ข้อมูลสอดคล้องว่าจากสถานการณ์น้ำหลากเมื่อปลายปี 2567 ได้เป็นปัจจัยหนุนหลักทำให้การกระจายตัวของปลาหมอคางดำ ขยายพื้นที่ระบาดมากขึ้น เช่นบ้านบางตะลุมพอ ตำบลขนาบนาคแต่เดิมมีการระบาดหนักเฉพาะพื้นที่แต่ปัจจุบันกระจายทุกแหล่งน้ำ ชาวบ้านหลายคนใช้วิธีจับทุกวันเพื่อสร้างรายได้แม้จะถูกจับในปริมาณมากต่อวันแต่กไม่ได้ทำให้การกระจายตัวลดน้อยลงไป

นายเสรี น้ำขาว ชาวบ้านบางตะลุมพอ ระบุว่า พูดได้เต็มปากว่าปลาหมอคางดำหลายเป็นปลาประจำถิ่นไปแล้วทุกวันนี้กระจายไปทุกพื้นที่ ชาวประมงพื้นบ้านกลับมาหาปลาหมอคางดำขนาดใหญ่ในพื้นที่ 3-6 ตัวต่อกิโลกรัมมีราคาอยู่ที่ 3 กิโลกรัมต่อ 100บาท

นายเสรี ยืนยันด้วยว่า ช่วงการระบาดเมื่อปีที่ผ่านๆมานับได้ว่ายังน้อยกว่าในปีนี้ ก่อนหน้าจะสังเกตได้ว่ามีการระบาดเป็นจุดๆ แต่ปัจจุบันกระจายไปทุกพื้นที่แล้ว และเชื่อด้วยว่าสภาพนิเวศน์ของลุ่มน้ำปากพนังกำลังล่มสลายสัตว์น้ำประจำถิ่นลดน้อยลงมากบางแหล่งไม่มีเลย มีเฉพาะปลาหมอคางดำเต็มพื้นที่ ปลาน้ำจืดแทบไม่มีแล้วแม้แต่ปลานิลดั้งเดิมไม่มีแล้วมีเฉพาะคางดำล้วนๆ พื้นที่รอยต่อน้ำเค็มเป็นน้ำกร่อยน้ำจืดและเค็มเป็นคางดำทั้งหมด นิเวศน์เดิมล่มสลาย สถานการณ์ระบาดมาถึงจุดที่พูดได้ว่าไม่สามารถควบคุมได้แล้ว