เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก ความว่า "ธรรมนัสกับปัญหาที่จะเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลอนุทิน

เมื่อวานนี้ (ที่ 16 กันยายน 2568) สื่อมวลชนรายงานข่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีได้ส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว ปรากฏว่า มีชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ด้วย

ผู้เขียนพิจารณาแล้ว มีข้อมูลและความเห็นดังนี้

1)เมื่อปี 2563 สส. พรรคก้าวไกล (ปัจจุบันคือพรรคประชาชน) 51 คน เข้าชื่อร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรขอให้ส่งคำร้องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพของ สส. ของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดพะเยา เขตเลือกตั้งที่ 1 และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) สิ้นสุดลง และเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สิ้นสุดลงเฉพาะตัว เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงว่า 

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2538 ขณะใช้ชื่อว่า “นายมนัส โบพรหม" ธรรมนัสต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําความผิดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ฐานเป็นผู้ผลิต นําเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า ตามคําพิพากษาของศาลอุทธรณ์รัฐนิวเซาท์เวลส์ (เครือรัฐออสเตรเลีย) เลขที่ 60449/94 และ 60434/94 ลงวันที่ 10 มีนาคม 2538 โดยในการกระทําความผิดดังกล่าว ศาลได้พิพากษาลงโทษจําคุก “ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า” เป็นระยะเวลา 6 ปี โดยกําหนดโทษเป็นระยะเวลาขั้นต่ำ 4 ปีและระยะเวลาห้ามปล่อยตัวอีก 2 ปี 

แม้จะเป็นคําพิพากษาของศาลต่างประเทศก็ย่อมมีผลตามรัฐธรรมนูญไทย (เรื่องพิจารณาที่ 13/2563)

2) ศาลรัฐธรรมนูญมีคําวินิจฉัย (ที่ 6/2564) ว่า แม้ธรรมนัสรับว่าเคยต้องคําพิพากษาว่ากระทําความผิดตามคําพิพากษาของศาลแขวงรัฐนิวเซาท์เวลส์ เครือรัฐออสเตรเลีย ซึ่งศาลรัฐนิวเซาท์เวลส์ได้ดําเนินกระบวนพิจารณาคดีนี้จริง แต่การดําเนินกระบวนพิจารณาเป็นอย่างไร วินิจฉัยพยานหลักฐานอย่างไร และมีคําพิพากษาในความผิดฐานใด จะตรงตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (10) บัญญัติหรือไม่ นั้น ยังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ดี เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งรับคําร้องนี้ไว้วินิจฉัยแล้ว จึงมีปัญหาข้อกฎหมายสําคัญที่ต้องวินิจฉัยต่อไป

3) ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ทั้งตามหลักการและทางปฏิบัติของรัฐเกี่ยวกับการใช้อํานาจทางตุลาการจะได้รับการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญของแต่ละประเทศเพื่อยืนยันหลักความเป็นอิสระของตุลาการและความศักดิ์สิทธิ์ของคําพิพากษา เมื่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมีการกล่าวถึงคําพิพากษา จึงต้องหมายถึงคําพิพากษาของศาลแห่งรัฐหรือประเทศนั้นเท่านั้น ไม่รวมถึงคําพิพากษาของศาลต่างประเทศ

แม้ข้อเท็จจริงในคดีจะฟังได้ว่า ธรรมนัสเคยต้องคําพิพากษาของศาลแขวงรัฐนิวเซาท์เวลส์ เครือรัฐออสเตรเลีย ก่อนสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. แต่ไม่ใช่คําพิพากษาของศาลไทย ธรรมนัสจึงไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (10) สมาชิกภาพของ สส. ของธรรมนัสไม่สิ้นสุดลง

4) ส่วนปัญหาความเป็นรัฐมนตรีของธรรมนัสสิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เมื่อผู้ร้องอ้างว่า ธรรมนัสเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งเป็นเหตุเดียวกับการสิ้นสุดลงของสมาชิกภาพของ สส. และศาลได้วินิจฉัยไว้แล้วว่า ธรรมนัสไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (10) จึงไม่มีเหตุทําให้ความเป็นรัฐมนตรีของธรรมนัสสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ความเป็นรัฐมนตรีของธรรมนัสจึงไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ 

ส่วนปัญหาว่าข้อกล่าวอ้างตามคําร้องเป็นเรื่องความเหมาะสมในการดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือไม่ ไม่อยู่ในอํานาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัย

5) จะเห็นได้ว่า ในคดีเดิมผู้ร้องไม่ได้ร้องด้วยว่า ธรรมนัสขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หรือมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง (ตามมาตรา 160 (4) และ (5)) ดังนั้น หากธรรมนัสเข้ากำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลอนุทินจริง สส. ไม่น้อยกว่า 10 % ของสภาผู้แทนราษฎรสามารถเข้าชื่อร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรขอให้ส่งคำร้องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของธรรมนัสสิ้นสุดลงเฉพาะตัวด้วยเหตุธรรมนัสขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หรือมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ได้

และมีแนวโน้มว่า อนุทินผู้เสนอให้ธรรมนัสเป็นรัฐมนตรีก็อาจต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คล้ายกับกรณีเศรษฐา ทวีสิน ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังจากมีการแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี