จี้ยกเลิก MOU 43-44 ยุติปัญหา เลิกการเพิกเฉย เริ่มต้นเด็ดขาดเอาจริง หวั่นคนชายแดนไทย-กัมพูชา ถูกปลุกเผชิญหน้า ปะทะรุนแรงบานปลาย ย้ำ ภท.รักษาสัญญายุบสภา เชื่อ รบ.อนุทิน ปัญหารุมเร้าหนัก อาจอยู่ไม่เกิน 2 ด.
เมื่อ 17 ก.ย. 2568 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน โดยเรียกร้องให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ยกเลิก MOU 43 และ 44 แล้วใช้มาตรการเด็ดขายจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่อบานปลายไปสู่การปะทะกันของมวลชนทั้งสองประเทศ
อีกทั้งกล่าวว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เป็นกรณีใหม่ เพราะกัมพูชาใช้มวลชนนำทหารรื้อรั้วลวดหนาม เขวี้ยงก้อนหิน ปาท่อนไม้ใส่เจ้าหน้าที่ไทย บาดเจ็บ หัวแตกได้เลือด ส่วนไทยใช้ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนยิงแก๊สน้ำตา กระสุนยางเพื่อยุติความรุนแรง ซึ่งเริ่มจะบานปลายทวีคูณไปอีก
เมื่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชาไม่มีวี่แววจะจบลงอย่างง่ายดาย ดังนั้น การยกเลิก MOU 43 และ 44 พร้อมกับใช้มาตรการเด็ดขาดเป็นจุดเริ่มต้นการยุติปัญหาชายแดน เพราะถ้าเพิกเฉยแล้ว กัมพูชาส่อยกระดับความรุนแรงโดยปลุกมวลชนนำทหารเข้ารื้อรั้วลวดหนามกั้นชายแดนไม่หยุดหย่อน และสิ่งสำคัญหวั่นจะเกิดมวลชนทั้งสองฝ่ายปะทะกัน จนทำให้สถานการณ์ยิ่งลุกลามออกไป
"ถ้าไม่ยกเลิก MOU 43 และ 44 ไทยต้องแบกปัญหากันไป ดังนั้น เมื่อรัฐบาลนายอนุทิน เริ่มปฏิบัติหน้าที่แล้ว คณะรวมพลังแผ่นดินจะไปยื่นหนังสือถึงนายกฯ ให้ยกเลิก MOU 43 และ 44 เพื่อป้องกันกัมพูชาละเมิดและสร้างความเสียหายกับไทยอีก แล้วไทยยังจะเจรจาไปทำไม เพราะยิ่งเจรจาก็ยิ่งทำให้บ้านเมืองเดินไปกันยาก"
นายจตุพร กล่าวว่า ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้านายกฯ อนุทิน แก้ปัญหาได้เป็นรูปธรรม และทำให้ความตึงเครียดชายแดนยุติลง ยิ่งเป็นผลงานดึงคะแนนเสียงมาให้พรรคภูมิใจไทยได้มาก โดยเริ่มจากการยกเลิก MOU 43 และ 44 แล้วสร้างมาตรการใหม่มาเจรจากันอย่างเด็ดขาดเพื่อทดแทนการใช้ลีลาทางการทูตที่ตื้นเขิน แต่รอคอยสะสมความชอบธรรมด้วยการประท้วงอยู่เรื่อยๆ
อีกทั้งย้ำว่า นายอนุทินจะยุบสภาตามสัญญา MOA กับพรรคประชาชน สิ่งสำคัญ หวั่นว่ารัฐบาลจะไปไม่ถึง 2 เดือน และเกิดยุบสภาก่อนย่อมมีความเป็นไปได้กับเสถียรภาพไม่มั่นคงของรัฐบาลเสียงข้างน้อย