เมื่อวันที่ 17 ก.ย.68 นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา แถลงข่าวภายหลังมีการลงพื้นที่ จ.ชุมพร ระนอง-สุราษฎร์ธานี เพื่อรับฟังความเห็นในโครงการแลนด์บริดจ์ ว่า จากการรับฟังความเห็นของประชาชนและภาคประชาสังคมเกี่ยวกับโครงการแลนด์บริดจ์ และ พ.ร.บ.ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคใต้ พ.ศ. …. (SEC) ซึ่งส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อเศรษฐกิจรากฐานและวิถีชุมชน โดยคณะกรรมาธิการฯ มีข้อกังวล เกี่ยวกับกระบวนการการศึกษาร่างรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ที่มีปัญหาทั้งกระบวนการและเนื้อหา ซึ่งชาวบ้านรู้สึกถึงความไม่โปร่งใส ไม่ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน เวทีรับฟังความคิดเห็นจัดเพียงไม่กี่ครั้ง เฉพาะหน่วยงานรัฐและผู้นำท้องถิ่น แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจริงไม่ได้เข้าร่วมการประเมิน EHIA

“ข้อมูลในรายงานหลายอย่างไม่สอดคล้องรายงานเดิม และรายงานคู่ขนาน เช่น จำนวนสัตว์หน้าดิน ในรายงาน EHIA พบพื้นที่ศึกษา 7 ตัว 1 ชนิด ซึ่งชาวบ้านยืนยันว่ามีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในน้ำ มากมายกว่านั้นมาก อีกทั้งจำนวนแพทย์ในโรงพยาบาลก็ไม่เพียงพอต่อการรองรับการลงทุนขนาดใหญ่และผู้ที่จะมาพักเพิ่มเติม ไม่มีการพิจารณารอยเลื่อนเปลือกโลกในพื้นที่ และมีการเร่งรัดรายงาน EHIA ให้ทำภายใน 120 วัน จึงตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการตั้งธงไว้หรือไม่ว่า จะต้องผ่านรายงานฉบับนี้ให้ได้”

นายนรเศรษฐ์ กล่าวต่อว่า ทางคณะกรรมาธิการฯ มีข้อเสนอให้มีการทบทวนให้รอบคอบ ชะลอการดำเนินโครงการแลนด์บริดจ์ และการผลักดันกฎหมาย SEC จนกว่าจะมีการศึกษาและรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน จัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ โดยให้สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานกลางส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกกลุ่ม เช่น กลุ่มเปราะบาง กลุ่มมอแกน คนพลัดถิ่น รวมถึงมีข้อเสนอให้พิจารณาการพัฒนาภาคใต้ตามศักยภาพพื้นที่ มีการสนับสนุนเกษตรยั่งยืน การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และโครงการที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตท้องถิ่น ไม่ใช่เป็นการพัฒนาที่ยัดเยียด แต่หากจะมีการผลักดันโครงการจริง ๆ ควรมีการศึกษาที่มีทางเลือกในเรื่องของความคุ้มค่า เช่น การศึกษาโครงการเซาเทิรน์ซีบอร์ด ซึ่งอาจจะทำให้เกิดผลกระทบน้อยลง

“อยากให้รัฐบาลฟังเสียงประชาชน คำนึงถึงวิถีเศรษฐกิจฐานรากวิถีชีวิตดั้งเดิมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้โครงการขนาดใหญ่ที่รัฐบาลจะผลักดันมีความชอบธรรมยั่งยืน ส่วนที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ระบุว่ามีแผนงานที่จะผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์ให้เกิดขึ้น คณะกรรมาธิการฯ ขอสื่อสารไปว่าโครงการขนาดใหญ่เงินลงทุนระดับหลายล้านล้านบาท และเป็นโครงการที่ต้องใช้เวลาก่อสร้างนับ 10 ปี มีผลกระทบอย่างกว้างขวาง ทั้งต่อสิ่งแวดล้อม วิถีชุมชน เศรษฐกิจ จึงอยากให้มีการศึกษาอย่างรอบคอบ”

นายนรเศรษฐ์ กล่าวต่อว่า ถ้าเป็นไปได้รัฐบาล นายอนุทินเป็นระยะเวลาที่มีกำหนดเวลาชัดเจนจะยุบสภาภายใน 4 เดือน จึงอยากวิงวอนให้ชะลอการผลักดันโครงการนี้ไปก่อน โครงการขนาดใหญ่ขนาดนี้ควรเป็นฉันทามติของประชาชนทั้งประเทศ เพราะทรัพยากรทางทะเลของไทยไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นของประชาชนทุกคนในประเทศนี้ หากอยากผลักดันจริง ๆ ควรจะนำนโยบาย SEC ไปใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า หากประชาชนเห็นด้วยและได้รับเลือกเข้ามาอย่างล้นหลามเป็นรัฐบาลก็จะมีความชอบธรรมในการผลักดันโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้งบประมาณมาก เพราะโครงการที่มีภาระผูกพันไปอีก 10 ปี ควรจะได้ฉันทามติของพี่น้องประชาชน

“เชื่อว่า รัฐบาลนายอนุทินจะดำเนินการตาม TOA ที่ได้สัญญา หลายอย่างต้องใช้เวลา พิจารณา เรื่องที่ควรดำเนินการเร่งด่วนควรจะเป็นเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้น และการแก้รัฐธรรมนูญ โครงการขนาดใหญ่สามารถศึกษาไปพร้อมกันได้ แต่ไม่ควรรีบเร่งเนื่องจากกระบวนการศึกษาผลกระทบและสิ่งแวดล้อมยังเป็นคำถามทั้งในแง่ของกระบวนการและเนื้อหา หากจะผลักดันโครงการลักษณะแบบนี้ ควรจะทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ และรายงานต่าง ๆ ที่มีปัญหาก็ควรรื้อกลับมาทำใหม่”