“เอกนัฏ” ยันไร้ขัดแย้ง “พีระพันธุ์” ลาออก “เลขาฯ รทสช.” เปิดใจ ภท. เป็นทางเลือกหนึ่งทางการเมือง ปัดวิจารณ์โผครม. ลั่น ”เหนื่อยแล้วครับ“ เป็นรมต. 1 ปี จะเป็นตลอดปีตลอดชาติไม่ได้

เมื่อเวลา 17.40 น. วันที่ 17 ก.ย.68 ที่รัฐสภา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวลาออกจากเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาของวันนี้ (17 ก.ย. ) ตนได้ยื่นหนังสือเพื่อลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ซึ่งได้พูดคุยกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้าง ชาติเรียบร้อยแล้ว และยืนยันว่าตนกับทางนายพีระพันธ์ุ ไม่มีความขัดแย้งส่วนตัว และมองว่านายพีระพันธ์ุ เป็นนักการเมืองน้ำดีคนหนึ่ง แต่ว่าในบทบาทของตนที่ทำหน้าที่เลขาธิการพรรคและกก.บห. ในภายหลังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ซึ่งได้นำไปปรึกษากับทางด้านนายพีระพันธ์ุแล้ว แต่หากจะให้ทำงานต่อในสภาวะความคิดเห็นที่แตกต่างกัน คาดว่าจะไม่เป็นผลดีต่อพรรค ตนจึงยินดีลาออกเพื่อให้กก.บห.พรรคมีเอกภาพมากกว่านี้

“ผมและนายพีระพันธุ์ยังมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน ในชีวิตการเมืองตั้งแต่มีการตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ และในฐานะที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคมา 3 ปี ผมกับนายพีระพันธุ์ก็มีความประทับใจอยู่เยอะ แต่การทำงานของตนในฐานะเลขาธิการพรรค ในช่วงหลังโดยเฉพาะช่วงที่มีกระแสข่าวคลิปเสียง และช่วงของการโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่สาม 32 เริ่มมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ด้วยการทำงานที่ระยะเวลาอีก 4-5 เดือนจะมีการเลือกตั้งใหม่ ถ้าหากยังปล่อยให้เป็นสภาพแบบนี้ต่อไปคงไม่เป็นผลดีต่อทางพรรคแน่นอน วันนี้ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค แต่ก็ยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ และก็ยังดำรงตำแหน่งสส. แม้ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีก็ยังสานต่อภารกิจที่ยังคงค้างไว้ที่อยู่ในกระทรวงอุตสาหกรรม เช่น ร่างพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... “ นายเอกนัฏ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพร่วมรับประทานอาหารร่วมกันกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนกับนายอนุทิน ได้มีการพูดคุยกันตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะเราเคยร่วมรัฐบาลกันมาก่อน 2 ปี โดยนายอนุทินเป็นคนขออนุญาตมาพูดคุยด้วย เนื่องจากทราบว่าตนและกลุ่ม สส.ชุมพรจะไปทานข้าวกัน ซึ่งนายอนุทินถามว่าอยู่ที่ไหน และขออนุญาตมาร่วมพูดคุยด้วย ส่วนเรื่องที่มีหารือในวงทานข้าว นายชุมพล จุลใส พร้อมด้วยกลุ่ม สส.ที่ไปร่วมทานข้าว เปิดเผยว่าอยากไปทำงานร่วมกับทางพรรคภูมิใจไทย ซึ่งตนก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร โดยเมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา ก็ได้ส่งต่อให้กับทางด้านนายอนุทินเรียบร้อยแล้ว และก็ขอให้พรรคภูมิใจไทยดูแล สส.ด้วย

เมื่อถามย้ำว่าในวงทานข้าวนายอนุทิน ได้ทาบทามมาร่วมงานในพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ก็คุยกันเพราะนายอนุทินมาคุยกันอย่างเปิดเผย

”จริง ๆ ถ้าผมจะทำการเมืองต่อ พรรคภูมิใจไทยก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง จุดยืนไม่ต่างกัน ที่อยากทำงานปกป้องสถาบันเสาหลักของชาติ ผมว่าอยู่ในใจผมอยู่แล้ว แต่รายละเอียดการทำงานก็ต้องให้โอกาสผมตัดสินใจพิจารณาก่อน เป็นเพราะผมไม่เคยทำอย่างอื่นนอกจากเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ” นายเอกนัฏ กล่าว

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่จะย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทยนั้น นายเอกนัฏ กล่าวว่า ทุกอย่างก็อาจจะหมด วันนี้ตนยังเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ ยืนยันยังไม่ไปไหน เป็นเพียงการลาออกจากกรรมการบริหารพรรค แต่ในอนาคตมีความเป็นไปได้ทั้งหมด ตนเองอาจจะหยุดและไปทำอย่างอื่นก็ได้ เพราะมีเอกชนมาทาบทามตนเองเยอะ หลังจากที่ใช้ชีวิตด้านการเมืองมากกว่า 20 ปี ถ้าเบื่อก็อาจจะไปทำอย่างอื่น ไม่ได้ขัดข้อง ซึ่งเรื่องการตัดสินใจค่อยว่ากันอีกทีตอนนี้ทางเลือกยังมีอีกหลายทาง และพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไม่ได้เลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เป็นพรรคซึ่งอยากให้รอฟังเพราะว่าเป็นพรรคเดิมที่ตนเคยอยู่มาก่อนยังมีความรักและความผูกพันธ์

เมื่อถามถึงกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าถึงจุดแตกหักอวสานของพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนไม่อยากให้คิดเช่นนั้น ย้ำว่าตนยังรักพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ ด้วยความปรารถนาดีจริงๆ ตนอยากให้มีพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ ไม่อยากให้มองว่าจะทำให้พรรคแตก การที่ตนออกจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ด้วยเสียงของกก.บห. ที่แตกออกเป็น 2 ข้าง และไม่ใช่ครั้งแรก มีหลายเรื่อง ตนคิดว่าทำให้ตรงไปตรงมา ขยับออกให้ชัดเจนดีกว่า อีกทั้ง ตนก็ยังไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ได้พูดคุยกับหัวหน้าเพื่อยื่นใบลาออก แต่เจตนาไม่อยากให้พรรคแตก อยากทำงานการเมืองต่อกับพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ในพื้นที่เมื่อวันนี้มีความชัดเจนว่า 4-5 เดือนจะถึงกำหนดการเลือกตั้งใหม่ ทุกทีมก็มีอิสระที่จะตัดสินใจว่าจะไปที่ไหน เราไม่ได้ปิดกั้น

”ผมยังรักและผูกพันกับพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ พูดตามตรงเป็นไปได้ไม่ได้อยากไปไหนเลย แม้ว่าวันนี้จะออกจากกก.บห.พรรค ก็ยังไม่ได้อยากไปไหน ขอให้เวลาตัดสินใจหน่อย“นายเอกนัฏ กล่าว

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าจุดที่ทำให้พรรคแตกหักนั้น มาจากการโหวตนายกรัฐมนตรี นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนไม่ได้อยากพูดให้มีความรู้สึกไม่ดีต่อกัน เอาเป็นว่าไม่มีฝั่งไหนที่คิดผิดหรือถูกในทางการเมือง แต่มีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ในเรื่องของการแสดงจุดยืน สำหรับตนคิดว่าทุกคนต้องมีความชัดเจนในจุดยืน ตนไม่ชอบทำอะไรที่ เก้ๆ กังๆ กล้าๆ กลัวๆ ที่ผ่านมามีส่วนหนึ่งในกก.บห.ที่คิดว่าควรจะงดออกเสียง แต่ตนคิดว่าในสถานการณ์บ้านเมืองที่ยุบสภาก็ไม่ได้ แล้วต้องเลือกซ้ายหรือขวานั้น ตนจะไม่ใช่ประเภทที่ทิ้งไว้ระหว่างทางหรืออยู่ตรงกลาง ตนคิดว่าต้องไปทางใดทางหนึ่ง จึงโหวตให้นายอนุทิน แต่ไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาล คล้ายกับพรรคประชาชน ไม่ได้มีการไปต่อรองเรื่องตำแหน่ง และตนพูดในที่ประชุมกก.บห. รวมถึงที่ประชุมสส.ชัดเจนว่า การตัดสินใจที่โหวตนายกฯครั้งนี้เป็นคนละเรื่องกับการตัดสินใจที่จะเข้าหรือไม่เข้าร่วมรัฐบาล ไม่เกี่ยวข้องกับการไปรับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ในกก.บห. ก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่บางครั้งเวลาที่มีจุดยืนทางการเมืองที่มีความสำคัญ และมีความคิดเห็นที่ไม่เหมือนกัน คงจะไม่เป็นผลดี ตนคิดว่าคนใดคนหนึ่งต้องไขก๊อก หากไม่มีใครออกตนก็ยินดีที่จะออก ไม่ได้ติดอะไร

เมื่อถามถึงโผครม.ที่มีสส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ไปร่วมเป็นรัฐมนตรีด้วย มั่นใจในคุณสมบัติหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ขอไม่วิจารณ์ดีกว่า ย้ำว่าตนยังเป็นสส.อยู่ และการโหวตไม่ใช่เป็นการเข้าร่วมรัฐบาล จริงๆวันนี้เราเป็นฝ่ายค้าน ฉะนั้น เราต้องทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่ ส่วนหนึ่งคือเรื่องกฎหมายที่ยังมีเรื่องร่างพ.ร.บ.โรงงาน ค้างอยู่ และอีกส่วนคือทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ในฐานะสส. อำนาจการตั้งครม. ไม่ใช่ของตน แต่อำนาจการตรวจสอบเป็นของสภาฯ หากมีการตั้งคนที่ไม่มีคุณสมบัติหรือคุณสมบัติไม่พร้อมมา เราก็เต็มที่แน่นอน ไม่มีคำว่าเกรงใจใคร ตนทำหน้าที่ของตนเหมือนเดิมในฐานะสส.คนหนึ่ง

เมื่อถามว่า หากผู้ที่มีรายชื่อไปร่วมเป็นรัฐมนตรีไม่ผ่าน และมีการทาบทามพร้อมที่จะไปเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า “เหนื่อยแล้วครับ ผมพูดจริงๆว่าอีกแค่ 4 เดือน ก็จะไปเลือกตั้ง สำหรับผมที่คิดอยู่คือการมองข้ามไปช็อตการเลือกตั้งว่าเราจะขับเคลื่อนงานการเมืองอย่างไรให้เป็นที่พอใจของประชาชน และ 1 ปีที่ผ่านมากับการเป็นรัฐมนตรีผมพอใจแล้ว หากคิดว่าจะเป็นรัฐมนตรีต่อเรื่อยๆ เป็นรัฐมนตรีตลอดปีตลอดชาติ เป็นไปไม่ได้ ผมได้ทำแล้วหลายเรื่อง ผมไม่คิดว่าหากมีโอกาสกลับไปเป็นรัฐมนตรี ผมพอใจแล้วกลับ 1 ปีที่ผมทำ และจะทำหน้าที่สส.ให้ดีที่สุด ผมยังมีภารกิจคือดันร่างพ.ร.บ.โรงงานให้สำเร็จในสภาชุดนี้ ”