มีรายงานว่า กองทัพไทยทั้ง 4 เหล่าทัพ เสนอของบกลางวงเงินเกือบ 4,000 ล้านบาท เป็น 2 ล็อต เพื่อจัดหายุทโธปกรณ์เสริมกำลังและทดแทนสิ่งที่สูญเสียหรือสึกหรอจากการปะทะกับกัมพูชาเมื่อปลายกรกฎาคม 2568 โดยแผนการเสนอของบฯ อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจาก “นายกรัฐมนตรี อนุทิน” ตามขั้นตอนต่อไป

ตามคำสั่งของ พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลังเหตุสู้รบเมื่อปลายเดือนก.ค. 2568 ได้สั่งให้แต่ละเหล่าทัพเสนอความต้องการยุทโธปกรณ์เพื่อทดแทนการใช้งานที่เกิดขึ้นจริงและเติมเต็มช่องว่างด้านการป้องกันอธิปไตย รายการที่เสนอเป็นการรวมการจัดหาแบบเร่งด่วนแบ่งเป็น 2 ล็อต โดยล็อตแรกเป็นของกองทัพบกประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนล็อตสองครอบคลุมกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ รวมราว 2,479 ล้านบาท โดยในหลายรายการได้จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนเป็นลำดับ 1–2–3 ตามความจำเป็นใช้งาน

สำหรับกองทัพบก ซึ่งเป็นเหล่าทัพหลักในการเสนอยุทโธปกรณ์ มีทั้งการขอจัดหาโดรนพลีชีพ (Kamikaze), โดรน Locator สำหรับพื้นที่ส่วนหลังของกองกำลังเฉพาะกิจ เช่น กกล.บูรพา และ กกล.สุรนารี, ระบบติดตามเป้าหมายและระบบสื่อสาร, ปืนครก/ปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนมาก รวมถึงกล้องตรวจการณ์กลางคืน ระบบอากาศยานไร้คนขับประเภทลาดตระเวนและโจมตี ระบบรบกวนสัญญาณ (Jammer) และอุปกรณ์ต่อต้านโดรนแบบพกพา ฯลฯ ส่วนที่ทบ.ได้จัดหาก่อนหน้านี้ภายใต้งบประมาณปี 2569 ได้แก่ จรวด DTI-1G จากจีน, เรดาร์ค้นหาตั้งป้อมปืน/MLRS, เฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนโจมตีติดอาวุธ AH-6i จำนวน 8 เครื่อง และจรวดต่อสู้รถถัง Javelin ที่กำลังจะส่งมอบ

กองทัพอากาศเสนอจัดซื้อโดรนพลีชีพ Kamikaze Avenger จากลิธัวเนีย จำนวน 10 ลำ งบประมาณราว 43 ล้านบาท และโดรนพลีชีพ KB-5E จำนวน 40 ชุด งบประมาณราว 50 ล้านบาท รวมถึงระเบิดร่อนนำวิถี KGGB จากเกาหลี 10 ลูก งบประมาณราว 49 ล้านบาท เพื่อใช้ติดตั้งกับ MK-82 บน F-16 เป็นการทดแทนวัสดุที่ถูกใช้ไป ขณะที่ทอ. ยังมีความต้องการระบบป้องกันภัยทางอากาศระดับ HIMAD และเครื่องบินเติมน้ำมันกลางอากาศ A330 MRTT ที่เสนอไว้ก่อนหน้า สำหรับของบจากส่วนกลางที่ทอ.ขอราว 200 ล้านบาท มีรายการเช่น โปรแกรมประมวลผลภาพ (Image Processing and Data Management Software), ระบบควบคุมและสั่งการดาวเทียม (Mission Control System), กล้องตรวจการณ์กลางคืน (Night Vision Goggle), เสื้อเกราะกันกระสุน และชุด LIZARD-3 Laser Guidance Kit จำนวน 50 ชุด วงเงินประมาณ 162 ล้านบาท

กองทัพเรือเสนอของบประมาณราว 691 ล้านบาท เพื่อจัดหา ระบบแอนตี้โดรน อุปกรณ์ตรวจจับและต่อต้านอากาศยานไร้คนขับแบบพกพา โดรนทิ้งระเบิดที่ใช้ลูกปืนขนาด ค.81 และ ค.60 โดรนพลีชีพ (Kamikaze UAV) อากาศยานไร้คนขับ Class I สำหรับปฏิบัติการยุทธวิธี ISR จำนวน 30 หน่วยแบบ MARCUS-B และอุปกรณ์สนับสนุนอื่น ๆ

รายละเอียดรายการที่กองทัพบกเสนอเพิ่มเติม เช่น ปืนครกอัตโนมัติขนาด 40 มม. (MILKOR), กล้องตรวจการณ์เวลากลางคืน/ตรวจจับรังสีความร้อน Multi-sensor Dragon MI, กล้องติดปืนซุ่มยิงกลางคืน MilSight S135 MUNS, ThermoSight, ระบบกล้องตรวจการณ์ภาคพื้นดินทั้งกลางวัน–กลางคืนด้วยระบบตรวจจับความร้อน, UAV ประเภทปีกตรึงและแบบหลายใบพัดทั้งลาดตระเวนและโจมตี, ระบบสื่อสารข้อมูลแบบ Mesh และระบบสื่อสารผ่านดาวเทียมวงโคจรต่ำ, กล้องตรวจการณ์ประจำบุคคลและชุดยิงสนับสนุนระยะไกล รวมถึงกระสุนและวัตถุระเบิดสำหรับชุดยิงสนับสนุนระยะไกล

นอกจากนี้ยังมีรายการเทคโนโลยีสนับสนุนข่าวกรอง เช่น ระบบตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์มือถือ (Cellebrite), ระบบจัดเก็บสัญญาณและหาทิศ VHF/UHF แบบดิจิทัล, UAV ที่ติดตั้ง SIGINT และ Remote Collection Facility, ภาพดาวเทียมความละเอียดสูง (Optical 50 ซม./SAR), ระบบ OSINT, ระบบวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศและดาวเทียมด้วย AI รวมถึงระบบค้นหาตรวจจับและรบกวนสัญญาณเครือข่ายมือถือ (LTE/4G/5G)

รายการเครื่องมือสนับสนุนภาคสนามยังรวมถึง เป้สนามแบบมีแถบเพิ่มเติม, Camel Bag, หมวกเคฟล่าพร้อมรางติดอุปกรณ์, เสื้อเกราะป้องกันกระสุนระดับ 3 พร้อมอุปกรณ์ และยานพยาบาลสนามติดตั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ทั้งแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และรถตู้พยาบาลฉุกเฉิน

ผู้เกี่ยวข้องระบุว่า เนื่องจากเป็นข้อมูลที่มีความอ่อนไหวด้านความมั่นคง ทางกองทัพจึงเปิดรายละเอียดในลักษณะภาพรวม ไม่ลงรายละเอียดเชิงตัวเลขจำนวนรุ่นหรือสเป็กเชิงลึก อย่างไรก็ตามได้มีการจัดลำดับความสำคัญสำหรับการจัดหาเป็นกลุ่มเร่งด่วน เพื่อให้สามารถจัดสรรงบประมาณและส่งมอบได้ตามความจำเป็นทางยุทธวิธี

ลำดับความสำคัญการจัดหา (ตามงบที่เสนอ) — สรุปแบบภาพรวม 1-2-3

กองทัพบก (ล็อตแรก ~1,000 ล้านบาท)

สิ่งจำเป็นเร่งด่วนเพื่อการปฏิบัติการภาคสนาม: กระสุนปืนใหญ่ กระสุนปืนเล็กยาว ปืนครก/ปืนสนับสนุน และชุดซ่อมบำรุงที่เกี่ยวข้อง

ระบบต่อต้านโดรนและโดรน Locator สำหรับพื้นที่ส่วนหลัง รวมถึงกล้องตรวจการณ์กลางคืนและระบบตรวจจับความร้อน

UAV ลาดตระเวน/โจมตี ระยะปฏิบัติการใกล้ และระบบสื่อสารข้อมูลแบบ Mesh

กองทัพอากาศ (ของบจากส่วนกลาง ~200 ล้านบาท + รายการเฉพาะ)

โดรนพลีชีพ (Kamikaze) และชุดติดตั้ง/นำทาง (LIZARD-3 Laser Guidance Kit) เพื่อการโจมตีแบบนำวิถีและทดแทนอาวุธที่ใช้ไป

ระเบิดร่อนนำวิถี KGGB เพื่อใช้กับ F-16 (ชุดทดแทนวัสดุที่สูญเสีย)

ระบบประมวลผลภาพและ Mission Control สำหรับการจัดการภาพถ่ายและข้อมูลจาก UAV/ดาวเทียม

กองทัพเรือ (~691 ล้านบาท)

ระบบแอนตี้โดรนและอุปกรณ์ตรวจจับ/ต่อต้าน UAV แบบพกพา

โดรนทิ้งระเบิดที่ใช้งานกับอาวุธคาลิเบอร์ท้องถิ่น (ค.81/ค.60) และ Kamikaze UAV

อากาศยานไร้คนขับ Class I สำหรับ ISR เชิงปฏิบัติการ

รายการร่วม/เทคโนโลยีข่าวกรองและระบบสนับสนุนเชิงยุทธศาสตร์ (ข้ามเหล่าทัพ)

ระบบ SIGINT, OSINT, ระบบจัดเก็บสัญญาณและการวิเคราะห์ภาพถ่ายด้วย AI

ภาพดาวเทียมความละเอียดสูง และระบบรบกวนสัญญาณ (Jammer) ในพื้นที่ชายแดน

อุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่/RTARF Chat และเครื่องมือบูรณาการสั่งการภาคสนาม

ทั้งนี้ รายการและลำดับความสำคัญดังกล่าวสรุปบนพื้นฐานงบประมาณที่เสนอและความต้องการเร่งด่วนที่กองทัพแจ้งมา โดยรายละเอียดรุ่น จำนวน และสเป็กจะไม่ได้เปิดเผยในภาพรวมที่เสนอให้สาธารณะ เนื่องจากความอ่อนไหวด้านความมั่นคง

แผนการจัดหาอยู่ระหว่างเสนอขออนุมัติจากนายกรัฐมนตรี และหากได้รับการอนุมัติจะมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อนำไปปฏิบัติการจัดซื้อและส่งมอบตามลำดับความเร่งด่วนที่กำหนดไว้