เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 16 ก.ย.2568 ที่บ้านเลขที่ 86 บ้านซ่งหนองขาม ม. 4 ต.หนองแดง อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น ผศ.ดร. สุพางค์พรรณ พาดกลาง ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา กองทัพภาคที่ 2 ภริยาของ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจนายดำรงศักดิ์ ภิญโญสุข อายุ 49 ปี ,น.ส.สุพรรณษา กองราชา อายุ 47 ปี และน.ส.วชิรญารี ภิญโญสุข อายุ 18 ปี พ่อ แม่และน้องสาวของพลทหารสิรวิชญ์ ภิญโญสุข สังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 8 ค่ายมหาศักดิพลเสพ จ.ขอนแก่น หรือ “พลทหารเต๊ะ” ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุปะทะระหว่างปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2568 ที่ผ่านมา โดยมีนายไพศาล วงษ์ชีวะสกุล นายอำเภอสีชมพู กำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

โดยผศ.ดร.สุพางค์พรรณ ได้มอบ ภาพที่ระลึกพลทหารเต๊ะ ,เงินช่วยเหลือส่วนตัว และเงินช่วยเหลือจากภาคเอกชนจำนวน 100,000 บาท สิ่งของจำเป็น เครื่องใช้และอาหารแห้งให้กับครอบครัวพลทหารเต๊ะ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ก่อนเดินทางไปเยี่ยมครอบครัว จ.ส.อ.อภิรมย์ ทรงวุฒิ สังกัด ร.8 พัน.3 ที่บ้านเลขที่ 6 บ้านนาหว้า ม.4 ต.ด่านซ้าย อ.ด่านซ้าย จ.เลย ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุปะทะพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาเช่นเดียวกัน และจะมีกำหนดการไปเยี่ยมครอบครัวทหารที่เสียชีวิตต่อในวันพรุ่งนี้ที่บ้านของครอบครัว ส.ท.ศราวุฒิ นามสวัสดิ์ สังกัด ร.8 พัน.1 ที่ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู และครอบครัวของ จ.ส.อ.ธีระยุทธ สีจุ้ยจ้าย สังกัด ร.13 พัน.3 ที่ จ.อุดรธานี และเดินทางต่อไปเยี่ยมครอบครัว ส.ต.วรัญชิต ยวงสุวรรณ สังกัด ร.13 ที่ อ.นาหว้า จ.นครพนม ตามลำดับ

"ในส่วนของท่านแม่ทัพภาคที่ 2 นั้น ได้ให้กำลังใจให้ท่านทำงานให้เต็มที่ เพราะท่านแม่ทัพภาคที่ 2เป็นคนที่ตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง และทำให้ดีที่สุด ส่วนตนเองก็ดูแลตัวเองไม่ให้ท่านแม่ทัพภาคที่ 2เกิดความเป็นห่วง และในช่วงสามวันนี้จะลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวพลทหารที่เสียชีวิตโซนอีสานเหนือหลังจากเข้าเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวพลทหารที่เสียชีวิตในโซนอีสานใต้มาก่อนหน้านี้ เพราะพวกเราคือครอบครัวเดียวกัน"

ด้าน น.ส.สุพรรณษา กองราชา อายุ 47 ปี แม่ของพลทหารเต๊ะ กล่าวว่า ภูมิใจในตัวลูกชายอย่างมาก ที่เสียสละปกป้องประเทศชาติจนลมหายใจสุดท้าย เรื่องการเปิดด่านชายแดนนั้น ส่วนตัวไม่เชื่อว่ากัมพูชาจะยอมถอย ถ้าเปิดด่านแล้วจะถอยจริงหรือ เพราะขนาดบอกว่ายุติการยิง ก็ยังพบว่ามีเสียงปืนดังขึ้นประปราย เพื่อนลูกชายที่ประจำการแนวชายแดนพูดให้ฟังถึงสถานการณ์ตอนนี้ว่ายังตึงเครียดอยู่ ยังมีการวางกำลังตามแนวชายแดนพร้อมปะทะตลอดเวลา จึงไม่อยากให้เปิดด่านชายแดน

"หากมีการเปิดด่านชายแดนจริง ส่วนตัวมองว่าประชาชนในละแวกนั้นก็ได้รับประโยชน์ เพราะพื้นที่ที่เสียไปก็ยังเอาคืนมาไม่ได้ และที่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งในการเปิดด่านเพราะขนาดไม่เปิดก็ยังมีการลักลอบเข้ามา ทหารของเราก็ยังจับตัวได้เรื่อยๆ และก็ไม่มีความคุ้มค่ากับการเสียสละที่เราสูญเสียไป ถ้าจะจะเปิดจริงๆก็อยากจะให้ทุกอย่างมันจบจริงๆแล้วค่อยเปิด ตอนนี้ไม่เชื่อใจกัมพูชาเลย เพราะขนาดบอกว่าหยุดยิง ก็ยังมีการเตรียมกำลังตรึงทหารเอาไว้"

น.ส.สุพรรณษา กล่าวต่อว่า เงินช่วยเหลือเยียวยานั้น ได้รับจากหน่วยงานในวันพระราชทานเพลิงศพลูกชายจำนวน 1,000,000 กว่าบาทแต่ในส่วนของเงิน 10,000,000 นั้นยังไม่มีใครติดต่อหรือประสานมาแจ้งอะไรแต่อย่างใด และเมื่อคืนก็ได้รับเงินช่วยเหลือจากมูลนิธิกันจอมพลังจำนวน 1,000,000 บาท ซึ่งในส่วนเงินเยียวยา 10,000,000 นั้นส่วนตัวครอบครัวไม่ทราบว่าจะได้รับหรือไม่ได้รับ หรือจะมีหน่วยงานไหนมามอบเงินดังกล่าว และที่ตนเองส่งเอกสารไปนั้นก็ไม่ทราบว่าจะได้รับในส่วนไหนอีกด้วย เพราะได้ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องต่างๆไปหลายที่ ตามที่เจ้าหน้าที่แจ้งมา