วันที่ 15 ก.ย.2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์นิตยสาร TIME โดยนิตสารดังได้ระบุตอนหนึ่งว่า " หากพิจารณาถึงกลยุทธ์การเลือกตั้งแล้ว คำว่า "โชคดีครั้งที่สาม" อาจฟังดูเลื่อนลอยไปบ้าง แต่เป็นการยากที่จะระบุความผิดพลาดที่ชัดเจนของขบวนการก้าวหน้าที่นำโดยเยาวชนของไทย ซึ่งในช่วงเวลาเพียง7 ปีและการเลือกตั้งสองครั้ง ปัจจุบันได้ครองตำแหน่งพรรคการเมืองที่ได้รับความนิยมสูงสุดของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" 

นายณัฐพงศ์ กล่าวกับนิตยสารไทม์ว่า วิสัยทัศน์ของเราคือการปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ปัญหาหลักยังคงเหมือนเดิมเมื่อ 20 ปีก่อน เราต้องนำประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มาสู่ประเทศของเรา สถานการณ์ที่ขัดขวางการช่วงชิงอำนาจของขบวนการก้าวหน้ามาจนถึงตอนนี้ อาจกล่าวได้อย่างสุภาพว่า ซับซ้อนในปี 2562 พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเดิม ได้รับคะแนนเสียงทั่วประเทศ 17.34% แต่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำพิพากษายุบพรรค ซึ่งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ก่อตั้งพรรค ยังถูกห้ามเล่นการเมืองเป็นเวลา 10 ปี  ในปี 2566 พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งสืบทอดตำแหน่งมา ทำผลงานได้ดียิ่งขึ้น โดยได้รับคะแนนเสียงนิยม 38% และได้ที่นั่งในสภานิติบัญญัติ 151 ที่นั่ง

อย่างไรก็ตาม พรรคถูกขัดขวางไม่ให้จัดตั้งรัฐบาลโดยวุฒิสภาที่กองทัพแต่งตั้ง และถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคอีกครั้ง และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้นำพรรค ถูกสั่งห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปีเช่นกัน ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน

“เราตั้งเป้าหมายที่จะได้ที่นั่งเสียงข้างมากในรัฐสภา” นายณัฐพงศ์กล่าว “เราต้องทำให้ประชาชนเชื่อว่าเราพร้อมที่จะบริหารประเทศ”

นอกจากนี้นายณัฐพงษ์ ยังระบุถึงการตัดสินใจ เลือกให้นายอนุทิน ชาญชีวรกูล รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคภูมิใจเป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำวิจฉัยให้พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จากคดีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จ ฮุน เซน อดีตผู้นำกัมพูชา ว่าแม้การสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามทางอุดมการณ์เพื่อแลกกับการเลือกตั้งใหม่อาจเสี่ยงต่อการทำให้ฐานเสียงของพรรคแตกแยก ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่ประเทศชาติได้ประโยชน์มากกว่าความนิยมของเรา