นายกฯ นำทีมเศรษฐกิจ หารือส.อ.ท. ยันรัฐบาลทำงานเร็ว มุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
นายกฯ นำทีมเศรษฐกิจ หารือสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รับฟังปัญหาข้อเสนอช่วยเหลือ - ส่งเสริมอุตสาหกรรม ยืนยันรัฐบาลนี้ เป็นพรรคเดียวกัน ยึดหลักแก้เศรษฐกิจให้ประชาชนมีรายได้ พร้อมรับข้อเสนอ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ทำความคาดหวังให้เป็นจริง ยันสไตล์ทำงานรัฐบาลทำงานเร็ว เชื่อเศรษฐกิจดี เรื่องอื่นๆก็จะตามมา
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยว่าที่รัฐมนตรีทีมเศรษฐกิจ ประกอบด้วย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นางศุภจี สุธรรมพันธ์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสุชาติ ชมกลิ่น ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายธนกร วังบุญคงชนะ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่ รมช.คลัง ในรัฐบาลอนุทิน 1 พร้อมคณะฯมีเดินทางมายังสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เพื่อประชุมหารือกับส.อ.ท. หาแนวทางความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย กับนายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธาน ส.อ.ท. และผู้บริหาร ส.อ.ท.เกี่ยวกับประเด็น นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย จากนายกรัฐมนตรี และข้อเสนอแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมและมาตรการช่วยเหลือ จาก ส.อ.ท. ท่ามกลางความท้าทายของภาคอุตสาหกรรมไทยและนโยบายการขับเคลื่อนของ ส.อ.ท. ภายใต้นโยบาย 4GO ประกอบด้วย Go Digital & AI, GO Innovation, GO Global และ GO Green
นอกจากนี้ในวงจะหารือการเตรียมความพร้อมรับมือจากมาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐฯแนวทางการแก้ไขสินค้าทุ่มตลาดและสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน /การแก้ไขปัญหาสภาพคล่องและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ SMEs
/แนวทางการแก้ไขปัญหาการค้าชายแดนนและมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ /ความกังวลต่อสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่า
ก่อนเริ่มการหารือประธานสภาอุตสาหกรรมได้มอบดอกไม้แสดงความยินดีกับ นายอนุทิน ที่ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และอวยพรวันคล้ายวันเกิดย้อนหลัง 13 กันยายน 2568 พร้อมขอบคุณที่เดินทางมารับฟังปัญหาโดยเฉพาะการยกดรีมทีมเศรษฐกิจมาในวันนี้
ขณะที่ นายอนุทิน กล่าวว่า การหารือในวันนี้เหมือนได้พูดคุยกับคนกันเอง ซึ่งขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายการนำรายชื่อรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม เพื่อโปรดเกล้าฯ ซึ่งจะเกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาจึงได้มีการประสานกับสภาอุตฯ เพราะรัฐบาลกับผู้นำทางเศรษฐกิจของประเทศต้องไปคู่กัน แยกกันไม่ได้ เราต้องเอาภาคเศรษฐกิจในการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อทำให้เกิดความมั่นคงแข็งแกร่งในมิติอื่นๆ เช่น คุณภาพชีวิตที่ดี
นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ตั้งใจมารับฟังข้อกังวลและข้อเสนอแนะจากสภาอุตฯ ซึ่งสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุมร่างแถลงนโยบายของรัฐบาล
“แม้ยังไม่ได้ทำงานอย่างเต็มตัวแต่หลังไมค์พยายามทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ สไตล์ของพวกเราทุกคนคงทราบว่า เราทำงานเร็ว ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ท่านทั้งหลายคาดหวังเอาไว้”นายอนุทิน กล่าว
ทั้งนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลที่กำลังเกิดขึ้นมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้น และการวางรากฐานเพื่อการต่อยอดความมั่นคงระยะยาว และขยายความร่วมมือ ดังนั้นขณะนี้การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต้องให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนไทย- กัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาผู้ประกอบการ ซึ่งไทย-กัมพูชายังมีการค้าขายกันอยู่ แต่ด้วยความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจนถึงทุกวันนี้ และด้วยเงื่อนไขข้อจำกัดต่างๆ และการรักษาอธิปไตย ก็ต้องเรียนว่า การเปิดด่านยังไม่เกิดขึ้นในระยะสั้นนี้ เพราะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เราเป็นผู้กำหนด เพราะเราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่เราจะใช้ทุกวิธี ทั้งการทหาร การทูต และหารือกับกัมพูชา ซึ่งจะใช้ทุกองคพยพแก้ปัญหาความขัดแย้งของประเทศโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ นายอนุทิน ยืนยัน จะขับเคลื่อนช่วยเหลือผู้ประกอบการที่อยู่ในโครงการไทยแลนด์พลัสวัน และพร้อมสนับสนุนเจรจากับประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกัน คู่แข่งทางการค้าในกลุ่มประเทศ CLMV ก็ต้องให้ความสำคัญ และต้องหารือกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนด้วย เพื่อส่งเสริมการลงทุนด้วย
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแต่ทำเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า การเป็นหนึ่งเดียวของรัฐบาลสามารถฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ ที่ผ่านมาตนอยู่มาในรัฐบาล 6 ปีกว่ามองเห็นปัญหาเยอะแย สำคัญสุด คือการระแวงซึ่งกันและกัน จึงขอให้ความมั่นใจว่า จะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้
“ผมถือคติ คนละพรรคแต่พวกเดียวกันสำคัญกว่าพรรคเดียวกัน คนละพวก”นายอนุทิน กล่าว
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า จะใช้โอกาสนี้ทำให้เศรษฐกิจเดินหน้า เพราะตนอยู่ภาคเอกชนมาก่อน และเชื่อว่า ถ้าเศรษฐกิจดีเรื่องอื่นๆ ก็จะดีตามมา หรือมีเกียรติมีศักดิ์ศรีด้วยก็ได้ จะทำให้ทุกคนตั้งใจทำมาหากิน ไม่สร้างความขัดแย้ง ทำสังคมให้เป็นสุข และให้ความมั่นใจอีกว่า สไตล์การทำงานจะยึดส่วนรวมเป็นหลัก ดังนั้นขอให้ความมั่นใจว่า จะใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่จะผลักดันนโยบายต่างๆ ให้ความคาดหวังของทุกคนเกิดความสำเร็จ