"กมธ.ติดตามงบ วุฒิฯ "แนะปลดล็อคระงับบัญชี 1-2 วันนี้ บรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ-ผู้บริสุทธิ์ "อลงกต" ตั้งข้อสังเกตเจ้าหน้าที่อายัดบัญชีทำตามขั้นตอนปกครองหรือไม่ แนะผู้เสียหายฟ้องเอาผิดเจ้าหน้าที่ อาจเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบผิด ม.157
วันที่ 15 ก.ย.2568 เวลา 11.00 น.ที่รัฐสภา นายอลงกต วรกี สว. ในฐานะประธานกมธ.ติดตามงบประมาณ วุฒิสภา แถลงว่า การที่ตำรวจไซเบอร์ใช้อำนาจในการอายัดบัญชีถือว่าขัดต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ การอายัดบัญชี แม้จะเป็นอำนาจของตำรวจไซเบอร์ แต่การอายัดปฏิบัติตามวิธีปกครองหรือไม่ เพราะก่อนจะมีการอายัดเจ้าหน้าที่ตำรวจพนักงานสอบสวน หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องเรียกเจ้าของบัญชีมาชี้แจงก่อน ถ้าชี้แจงไม่ได้ จึงค่อยอายัดบัญชี และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จะเข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หากผู้ที่ได้รับผลกระทบได้รับความเสียหาย สามารถแจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 157 ได้ แต่ถ้าต้องการเรียกค่าเสียหายจะต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย อย่างไรก็ตามในสัปดาห์หน้าจะเชิญสำนักงานตำรวจแห่งชติ(สตช.) , ตำรวจไซเบอร์, ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อื่นๆ เข้าชี้แจงต่อกมธ.ฯถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
ด้านน.ส.ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สว.ในฐานะรองโฆษกกรรมการติดตามงบประมาณ วุฒิสภา กล่าวว่า จากที่ปลัดกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การอายัดบัญชีเต็มรูปแบบ แต่เป็นเพียงการระงับวงเงินชั่วคราวบางส่วน ที่ต้องสงสัย ซึ่งธนาคารระงับได้ 3-7 วัน หากตรวจสอบแล้วไม่มีความผิด เงินที่ถูกระงับก็ถูกโอนกลับเข้าไปในเจ้าของบัญชี ซึ่งทางกมธ.ฯได้รับเสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ รวมทั้งร้านค้าที่มีหน้าร้านก็ต้องขึ้นป้ายรับเฉพาะเงินสด และประชาชนจำนวนมากเกิดความหวาดกลัว แห่ไปถอนเงินสดจนมีข่าวว่าเงินไม่พอถอน ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายและความสั่นคลอนต่อความเชื่อมั่นระบบการเงินแห่งชาติ จึงขอเสนอแนวทางเร่งด่วนดังนี้ 1.เร่งปลดระงับบัญชีผู้บริสุทธิ์ภายใน 1-2 วัน 2. กำหนดมาตรฐานเยียวยาสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ และ 3.สร้างระบบที่โปร่งใส รวมทั้งบูรณาการร่วมกันระหว่างธนาคาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะหากเราปล่อยให้ประชาชนรอเงินบริสุทธิ์ของตัวเองนาน 3-7 วันความเชื่อมั่นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรง