เมื่อเวลา 10.26 น.วันที่ 15 ก.ย. 68 ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ประกอบด้วย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรีและว่าที่รมว.คลัง นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่รมว.พาณิชย์ นายสุชาติ ชมกลิ่น ว่าที่รองนายกรัฐมนตรีและว่าที่รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายธนกร วังบุญคงชนะ ว่าที่รมว.อุตสาหกรรม
เข้าหารือกับนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสายงานส่งเสริม และสนับสนุนอุตสาหกรรม และผู้บริหารส.อ.ท.เพื่อหาแนวทางความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย การเตรียมความพร้อมรับมือจากมาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐฯ รวมถึงความกังวลสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่า
ทั้งนี้ก่อนการประชุมหารือประธานสภาอุตสาหกรรม มอบกระเช้าดอกไม้แสดงความยินดีกับนายอนุทิน ที่ได้รับนายกฯ และอวยพรวันคล้ายวันเกิดเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา
โดยนายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งว่า ในที่นี้ถือเป็นวงพี่น้องที่รู้จักกันมาเกือบทั้งหมด วันนี้ในฐานะที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าเป็นนายกฯประเทศไทย เราต้องขับเคลื่อนให้ทุกอย่างที่เป็นปัญหาได้รับการแก้ไข ตอนนี้ความคืบหน้าการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายในการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งจะเกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้ แต่ไม่อยากให้เวลาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์จึงประสานทางสภาอุตฯ ซึ่งมีความสำคัญที่ต้องเดินคู่กันในการนำภาคเศรษฐกิจขับเคลื่อนประเทศ เพื่อเกิดความมั่นคงแข็งแรงในทุกมิติ จึงมารับฟังข้อเสนอแนะ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้ประชุมร่างคำแถลงนโยบาย พยายามเตรียมทุกอย่างให้มากที่สุด เพราะสไตล์ของเราต้องทำงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านทั้งหลายคาดหวังเอาไว้
นายอนุทิน กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาล จะมุ่งเน้นแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้น และวางหลักฐานต่อยอดความมั่นคงใช้ความร่วมมือกับท่านทุกคน ปัญหาเฉพาะหน้าแก้ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา โดยเฉพาะปัญหาของผู้ประกอบการที่มีการค้าขายกันอยู่ แต่ด้วยความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจนถึงปัจจุบันและเงื่อนไขข้อจำกัดต่างๆ ตลอดจนการรักษาธิปไตย ยืนยันการเปิดด่านยังไม่เกิดขึ้นก่อน จะมีสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เราเป็นผู้กำหนด เพราะเราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน จะได้ไม่มีความกังวลใดๆ อีก อย่างไรก็ตามเราต้องใช้ทุกวิธีทางการทหารการทูต เพื่อหารือกับฝ่ายกัมพูชา โดยใช้ทุกองค์การเพื่อแก้ปัญหารอบคันของทั้งทั้งสองประเทศโดยเร็วที่สุด
นายอนุทิน กล่าวว่า สำหรับผู้ประกอบจะเน้นไปที่โลคอลคอนเทนต์ เพราะการเจรจากับผู้ค้าสำคัญอย่างสหรัฐฯ เขามีข้อกำหนดมาประเทศไทยไม่ได้ด้อยกว่าประเทศอื่น แต่ยังมีเงื่อนไข ตนมองว่า โลคอลคอนเทนต์ เป็นโอกาสที่ดีหากผลิตสินค้าส่งไปที่สหรัฐฯเราคงต้องส่งเสริมการลงทุนในส่วนนี้ ถือเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยมีโอกาสขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการมีคู่แข่งก็จะทำให้เราได้ตื่นตัว วันนี้คู่แข่งเริ่มมีขึ้นมา อย่างกัมพูชาก็น่าจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงเวียดนาม เป็นเวลาที่ประเทศไทยต้องดีดตัวในเรื่องนี้ ต้องยอมรับข้าราชการประจำกับภาคเอกชนคิดไม่เหมือนกันเพราะมันมีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้แม้รัฐบาลชุดนี้ จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ผ่านพ้นไปก่อน แต่จะทำเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า การเป็นของรัฐบาลสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ไปได้ ตนอยู่มา 6 ปีกว่า เห็นปัญหาเยอะ ที่สำคัญสุดคือ การระแวงซึ่งกันและกัน คนนี้เสนอ พรรคนี้เสนอ กระทรวงนั้นเสนอขึ้นมา ถ้าผ่านไปคะแนนจะตกไปที่พรรคนั้น ตัวนายกฯ อยู่อีกพรรค จึงไม่สนับสนุนเต็มที่ ขอยืนยันว่ามันเกิดขึ้นในรัฐบาลของตน ตนถือคติคนละพรรคพวกเดียวกันสำคัญกว่า พรรคเดียวคนละพวก
คนในห้องนี้รู้จักกันมานาน ไม่ใช่แค่รุ่นเราแต่รู้จักตั้งแต่เรื่องพ่อเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก เราต้องใช้โอกาสนี้ให้มากที่สุดสำหรับพวกเราเพื่อทำให้เศรษฐกิจของประเทศขับเคลื่อนเจริญก้าวหน้า ตนอยู่ภาคเอกชนมาก่อน ก็มีความเชื่อมั่นว่าถ้าเศรษฐกิจดี ประเด็นอื่นๆ ก็จะดี คนมีกิน มีใช้ จะบอกว่ามีเกียรติ มีศักดิ์ศรีด้วยก็ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อนายอนุทินพูดประโยคนี้จบคนในห้องต่างหัวเราะ
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า เราจะทำให้ทุกคนตั้งใจทำมาหากินไม่ขัดแย้งกันสร้างครอบครัว สร้างสังคมที่เป็นสุข ตนและทีมงานจะเร่งให้มันเกิดขึ้น และจะสร้างหลักฐานให้ได้มากที่สุด ด้วยสไตล์การทำงานของตนยึดภาพรวม ขอให้ความมั่นใจกับทุกท่านว่าตนจะใช้อำนาจหน้าที่ทุกอย่างที่มีในฐานะนายกรัฐมนตรี ทำให้ความคาดหวังของทุกท่านเกิดผลสำเร็จ