2 กมธ.วุฒิฯ ติงมาตรการปราบบัญชีม้า-อายัดบัญชีม้ารวดเร็ว ส่งผลกระทบกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs-ประชาชนผู้สุจริตในวงกว้าง ใช้เวลานานส่งผลต่อการทำมาหากิน  ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และมิจฉาชีพที่ใช้ "บัญชีม้า" กำลังระบาดหนัก และภาครัฐก็เร่งปราบปรามอย่างเข้มข้น แต่มาตรการที่ใช้กลับส่งผลกระทบต่อคนที่ทำมาค้าขายสุจริตโดยเฉพาะ SME

วันที่ 15 ก.ย.2568 เวลา 10.00 น.ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภาฯ และคณะกรรมาธิการการยุติธรรมและตำรวจ วุฒิสภา โดยนายพละวัต ตันศิริ สว.ในฐานะคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา แถลงว่า กรรมาธิการได้ติดตามมาตรการของภาครัฐในการปราบปรามภัยร้ายทางออนไลน์ โดยเฉพาะการจัดการบัญชีม้า ซึ่งถือเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาการหลอกลวงที่สร้างความเสียหายต่อประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศอย่างมหาศาล ขอชื่นชมความตั้งใจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง แต่มาตรการที่ดำเนินการอยู่ส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะต่อกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs และประชาชนผู้สุจริต ซึ่งมีธุรกรรมทางการเงินที่ซับซ้อน หรือมีธุรกิจที่ต้องใช้บัญชีหลายบัญชีในการดำเนินงาน ทำให้เกิดข้อจำกัดและความเดือดร้อนในการทำมาค้าขาย

นายพละวัต กล่าวว่า การอายัดบัญชีที่รวดเร็วเพื่อหยุดยั้งการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย แต่ในหลายกรณีการอายัดบัญชี ทำให้บัญชีของผู้สุจริตส่งผลกระทบต่อการค้าขาย และสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรง และเมื่อบัญชีถูกอายัดแล้ว ขั้นตอนการขอคืนบัญชีมีความซับซ้อนและใช้เวลานาน ทำให้ผู้ประกอบการและประชาชนไม่สามารถเข้าถึงเงินทุนหมุนเวียนได้ทันที ก่อให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจ การขาดเกณฑ์ที่ชัดเจน และเป็นมาตรฐานเดียวกันในการบังคับใช้  ทำให้เจ้าหน้าที่แต่ละรายอาจใช้ดุลยพินิจที่แตกต่างกัน ในระดับของความเสียหาย สร้างความไม่แน่นอนและข้อกังวลให้แก่ผู้ประกอบการ

นายพละวัต กล่าวว่า ดังนั้นเพื่อบรรเทาผลกระทบในระยะสั้นควรมีการกำหนดเกณฑ์การพิจารณาบัญชีม้าที่ชัดเจน และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ โดยใช้ข้อมูลจากหลายแหล่งประกอบการพิจารณา เช่น พฤติกรรมการทำธุรกรรม ที่ผิดปกติ การมีส่วนเกี่ยวข้องกับ เครือข่ายมิจฉาชีพ ที่มีข้อมูลอยู่แล้ว ไม่ใช่พิจารณาเพียงแค่จำนวนบัญชีที่เปิดหรือความถี่ในการโอนเงินเท่านั้น ควรพิจารณามาตรการอายัดชั่วคราวในระยะเวลาสั้นๆ พร้อมแจ้งผู้ครอบครองบัญชีให้มาชี้แจงข้อมูลภายในกรอบเวลาที่กำหนด เพื่อให้ผู้บริสุทธิ์มีโอกาสแสดงความบริสุทธิ์ ซึ่งจะได้ดำเนินการปลดอายัดได้อย่างรวดเร็ว ส่วนระยะกลางต้องส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ควรมีการทำงานร่วมกับสถาบันการเงิน และผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม E-commerce ต่างๆอย่างใกล้ชิด เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและพัฒนาระบบคัดกรองบัญชีที่เสี่ยงต่อการเป็นบัญชีม้าตั้งแต่ต้นทาง โดยเฉพาะภาครัฐควรจัดกิจกรรมให้ความรู้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความตระหนักถึงภัยของบัญชีม้า รวมถึงแนวทางการป้องกันและขั้นตอนที่ถูกต้องหากตกเป็นเหยื่อ

โฆษก กมธ.เศรษฐกิจฯ กล่าวต่อว่า ส่วนมาตรกรระยะยาวสร้างแพลตฟอร์มกลางสำหรับแจ้งและตรวจสอบบัญชีา และเสนอให้จัดทำฐานข้อมูลกลางของบัญชีต้องสงสัย ที่หน่วยงานรัฐสามารถเข้าถึงและตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์ ควรมีการพัฒนาระบบที่ช่วยให้ผู้ที่ถูกอายัดบัญชีสามารถยื่นคำร้องและชี้แจงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วผ่านช่องทางดิจิทัล โดยมีขั้นตอนที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ เพื่อลดภาระและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปติดต่อหน่วยงานราชการ อย่างไรก็ตามสำหรับพี่น้องประชาชนบริษัทที่ค้าขายโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีการค้าขายในปริมาณเงินค่อนข้างสูงอย่างที่ได้ทราบแล้วว่าขณะนี้บรรดาบัญชีม้าได้เปลี่ยนวิธีการ ร้านค้าจึงควรจะต้องมีการเก็บข้อมูลเพื่อเตรียมการในการชี้แจงอย่างรวดเร็ว ส่วนร้านค้าที่มีการค้าขายชายแดน ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่อาจจะต้องมีการเจรจากับคู่ค้าในกระบวนการดำเนินการทางการเงิน ต่างๆ ให้ รัดกุมยิ่งขึ้น

“พวกเราเชื่อว่าการปราบปรามภัยทางออนไลน์เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง แต่การดำเนินการต้องรอบคอบ และไม่สร้างภาระ ให้กับผู้สุจริต การสร้างสมดุลระหว่างการบังคับใช้กฎหมายกับการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจคือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ดังนั้นกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม และขอให้พี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการมั่นใจสมาชิกวุฒิสภาจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อร่วมส่งเสริมให้ระบบ เศรษฐกิจ ดิจิตอล ที่พัฒนาขึ้นมา เดินหน้าได้อย่างมั่นคง”นายพละวัต กล่าว