"โฆษกไทยสร้างไทย" แนะ Thacca เลิกโวยถูกตัดงบ จี้เร่งผลักดันกฎหมาย Soft Power เปิดโอกาสรายย่อย-ท้องถิ่นสร้างงาน ระบุการถูกตัดงบอีเวนท์และอบรมเป็นเรื่องสมควร เพราะไร้ประสิทธิภาพ
นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Thacca) ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อการถูกตัดงบประมาณว่า เรื่องนี้ไม่ควรโวยวาย แต่ควรหันมามุ่งเน้นการผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับ Soft Power เข้าสู่การพิจารณาของสภา เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยและท้องถิ่นได้มีพื้นที่ในการสร้างงานและสร้างรายได้ใหม่ ๆ
โฆษกไทยสร้างไทย ระบุว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา แม้รัฐบาลจะประโคมข่าวเรื่อง Soft Power และเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างกว้างขวาง แต่กลับไม่สามารถผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้จริง ทั้งยังใช้งบประมาณกว่า 5,000 ล้านบาทไปกับการจัดอีเวนท์และโครงการอบรมที่ไร้ประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็เริ่มมีการตั้งคำถามถึงบุคคลรอบตัวอดีตนายกฯ แพทองธาร ว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ในกรณี Soft Power และการจัดอีเวนท์ของรัฐหรือไม่
นายปริเยศ ชี้ว่า พรรคไทยสร้างไทยเคยเตือนรัฐบาลมาโดยตลอดว่า ไม่ควรทุ่มงบไปกับอีเวนท์หรือการฝึกอบรมเพียงอย่างเดียว เพราะสิ่งที่ภาคเอกชนและท้องถิ่นต้องการจริง ๆ คือการผลักดันให้พวกเขาสามารถนำอัตลักษณ์และความถนัดในแต่ละพื้นที่ มาสร้างเศรษฐกิจใหม่และเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นเพียงการอบรมและการจัดอีเวนท์ประชาสัมพันธ์เท่านั้น
โฆษกไทยสร้างไทยยังกล่าวถึงปัญหาความซ้ำซ้อนในการใช้งบประมาณ ที่กระจายไปตามแต่ละกระทรวงโดยไร้การบูรณาการ เช่น ช่วงปลายรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา มีการใช้งบกลางจัดการแข่งขันมวยแบบเร่งด่วน และในยุคนายกฯ แพทองธาร ก็ยังเกิดกรณีการจัดอีเวนท์ที่ถูกตั้งคำถามอีกหลายครั้ง
“ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงการขาดความจริงจังในการผลักดันกฎหมายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ทำให้ไม่มีศูนย์กลางแบบ One Stop Service ที่จะทำหน้าที่ส่งเสริมธุรกิจ สนับสนุนทุน และองค์ความรู้จากงบประมาณที่เป็นระบบ ที่สำคัญเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาที่ฝ่ายค้านขัดขวาง เพราะทุกฝ่ายต่างเห็นศักยภาพของคนไทย แต่สิ่งที่ขาดคือระบบการสนับสนุนจากรัฐ และตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการผลักดันกฏหมายเข้าสู่วาระ 1 สภาอย่างจริงจัง” นายปริเยศ กล่าว
โฆษกพรรคไทยสร้างไทยในฐานะผู้ที่เคยจุดประเด็น Soft Power ตั้งแต่งาน Thacca Splash จึงเสนอให้ Thacca เปิดเผยร่างกฎหมายที่ได้จัดทำไว้และมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นตั้งแต่ปี 67 ให้ประชาชนได้เห็นรายละเอียดที่แก้ไขแล้วและร่วมกันสนับสนุนให้เข้าสู่การพิจารณาของสภาวาระแรก เพื่อเปิดโอกาสในการสร้างอาชีพใหม่ให้กับคนไทย และหลีกเลี่ยงการใช้งบประมาณอย่างไร้ประโยชน์กระจัดกระจายอย่างเช่นที่ผ่านมา
“หากไม่มีการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวจริงจัง ก็ชี้ชัดแล้วว่ารัฐบาลชุดที่ผ่านมา ไม่ได้ตั้งใจทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง มีเพียงการประชุมสร้างภาพและใช้เป็นข้ออ้างในการเบิกงบประมาณเท่านั้น ดังนั้น หาก Thacca ต้องการพิสูจน์ความจริงใจ ควรเร่งผลักดันกฎหมายให้เห็น และควรชี้แจงข้อสงสัยที่สังคมตั้งคำถามถึงบุคคลใกล้ชิดอดีตนายกรัฐมนตรี ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ Soft Power หรือไม่ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจและพร้อมสนับสนุนโครงการนี้ต่อไป” นายปริเยศ กล่าวทิ้งท้าย