สถานการณ์ทางการเมืองของ “พรรคการเมือง” ถูกจับตาว่า “ตกต่ำ” เจอกับมรสุมทั้งในและนอกพรรค อาจไม่ใช่เฉพาะ “พรรคเพื่อไทย” ค่ายสีแดง เพียงพรรคเดียวอีกแล้ว เมื่อล่าสุด ดูเหมือนว่า “พรรคประชาธิปัตย์” จากค่ายสีฟ้า อาจกลายเป็นเพื่อน ร่วมชะตากรรมที่เผชิญมรสุมไม่แตกต่างกัน !
การลาออกจากตำแหน่ง “หัวหน้าพรรค” ของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” สส.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างความตระหนกต่อลูกพรรค เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่า “พี่ต่อ” เฉลิมชัย ของพวกเขาจะตัดสินใจทิ้งเก้าอี้หัวหน้าพรรค พร้อมทั้งส่งหนังสือแจ้งการลาออกอย่างเป็นทางการ ไปยัง “นายทะเบียนพรรคการเมือง” คือกกต.
จากนั้น “ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์” ออกมาแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ในวันต่อมา เพื่อสร้างความเข้าใจให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเหนืออื่นใด คือการ “สยบข่าวลือ” ปมประเด็นเรื่องความขัดแย้งระหว่าง เฉลิมชัย กับ “เดชอิศม์ ขาวทอง” เลขาธิการพรรค หรือไม่
ต่อมาเฉลิมชัย ชี้แจงสื่อถึงเหตุผลที่ตัดสินใจลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ มาจากปัญหาเรื่องสุขภาพเป็นหลัก
เท่ากับว่าเวลานี้ พรรคประชาธิปัตย์ อยู่ในสภาพ “ไร้หัว” ไม่มี “หัวหน้าพรรค” และนี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก เนื่องจากใกล้การเลือกตั้งครั้งใหม่ เข้ามา ทั้งด้วย เงื่อนไข กรอบเวลา MOA ที่พรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย ทำข้อตกลงร่วมกันเอาไว้เพื่อแลกให้ “143 สส.” ของพรรคส้ม ยกมือโหวตให้อนุทิน นั่งนายกฯ
อย่างไรก็ดี การลาออกจากหัวหน้าพรรคของเฉลิมชัย จนทำให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองครั้งใหญ่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งนี้ แท้จริงแล้วนี่อาจเป็นเพียง “ภาพสะท้อน” ให้เห็นถึงปัญหาใหญ่ ที่สะสม ทั้งความขัดแย้งและรอยร้าวภายในพรรคได้ชัดเจนว่า พรรคอยู่ในสถานการณ์เช่นไร ?
เมื่อเฉลิมชัยลุกออกจากที่นั่งหัวหน้าพรรค และลูกพรรคเกิดความหวั่นไหว ทั้งความเชื่อมั่นว่าพรรคจะเดินไปทางไหนต่อ แม้เดชอิศน์ จะออกมายืนยันแล้วว่า เขาจะไม่ไปไหน ยังอยู่กับพรรค ขอทุกคนอย่าหวั่นไหว และพร้อมจะเป็นที่พึ่งให้กับสมาชิก ก็ตาม
แต่อย่าลืมว่า แรงกดดัน จาก “ภายนอก” ที่มาจากคนที่ เคยเป็น “อดีตสมาชิกพรรค” รวมถึง “แม่ยกพรรค” กำลังทำให้กลุ่มของเดชอิศม์ เองย่อมหวั่นไหวไม่ได้ เพราะเสียงเรียกร้องให้ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตหัวหน้าพรรคให้กลับมา “นำทัพ” ลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า กำลังดังกระหึ่ม !!
กองเชียร์ฝั่งอภิสิทธิ์ ส่งความปรารถนาดี ผ่านสื่อว่าขอให้ดึงอภิสิทธิ์ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค รวมทั้งเรียกร้องให้ “คืนพรรค” ให้กับ กลุ่มชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นเหมือนเสียงข้างน้อยในพรรค นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงผู้นำพรรคที่ผ่านมา
วันนี้สถานการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากจะไร้หัว ขาดผู้นำพรรคแล้ว ยังเจอกับปัญหา สส.ที่พร้อมจะ ถูกดูดไปร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่น ได้ตลอดเวลา เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทยเองที่ประสบปัญหา ขาดผู้นำพรรค หลังจากที่พรรคบอบช้ำอย่างรุนแรง
หลังจากที่ “แพทองธาร ชินวัตร” ต้องพ้นจากนายกฯ ด้วยคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนตำแหน่งหัวหน้าพรรค ที่ยังอยู่ในเวลานี้ ก็กลับไม่มีความขลังมากพอที่จะดึง สส.ในพรรคเอาไว้จนถึงการเลือกตั้งรอบหน้า
ยิ่งเมื่อ เวลานี้ “ทักษิณ ชินวัตร” กลายเป็นนักโทษ อยู่ในเรือนจำคลองเปรม ยิ่งทำให้ลูกพรรคหวั่นไหวและง่ายต่อการถูก “ฝั่งตรงข้าม” ดึงตัวออกไปร่วมงานการเมืองรอบหน้า
พรรคเพื่อไทยวันนี้ การมีแพทองธาร อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพรรค อาจไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก และต้องยอมรับว่าพิษคดีคลิปเสียง ทำให้เธอเองไม่ใช่ “แบรนด์” ที่จะนำมาขายในตลาดการเมืองได้อีกต่อไป ขณะเดียวกัน การที่จะเฟ้นหา “คนดี” มีฝีมือมาเป็นผู้เล่นใหม่ ก็ยิ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะใครจะกล้าเข้ามาเสี่ยง
สนามเลือกตั้งครั้งหน้า จะเกิดขึ้นช้าหรือเร็ว ยังคงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่แน่นอนว่ารัฐบาลใหม่ ที่นำโดยอนุทิน จะไม่สามารถดึงเกมยาวไปถึง ปี 2570 ได้ แต่กว่าจะถึงเวลานั้น ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ต่างอยู่ในสภาพที่อ่อนล้าเต็มทีในวันนี้
พรรคเพื่อไทยถูกประเมินว่า ครั้งหน้าอาจกลายเป็นพรรค “ต่ำร้อย” ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ถูกคาดการณ์ว่า แม้ไม่ถึงขั้นเลวร้ายกลายเป็น “พรรคต่ำสิบ” แต่จะเหลือสส.เพียงแค่ “หยิบมือ” มิหนำซ้ำ ยังมีโอกาสที่จะสูญเสีย พื้นที่ “ฐานเสียง” ที่มั่นสุดท้าย ที่ “ภาคใต้” เพราะทั้งพรรคภูมิใจไทยและพรรคกล้าธรรมของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาของพรรค บุกลงใต้อย่างเข้มข้น
ชะตากรรของสองพรรคการเมืองที่เคยยืนอยู่ขั้วตรงข้ามกันมาหลายทศวรรษ ทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ เพิ่งจะมา พลิกผันเมื่อคราวที่เฉลิมชัย นำลูกพรรคไปร่วมรัฐบาล “แพทองธาร” ที่ผ่านมา ทำเอาคอการเมืองตกตะลึงกันมาแล้ว
แต่สำหรับวันนี้ ทั้งแดงและฟ้า ต่างมีโจทย์หินที่รออยู่ นั่นคือพวกเขาจะพลิกฟื้นศรัทธา ทั้งผู้นำ และฐานเสียง กลับมาได้ทันก่อนการเลือกตั้งรอบหน้ามาถึงได้หรือไม่ ?