เมื่อเวลา 16.15 น. วันที่ 13 ก.ย. 68 ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสคัดค้านเรื่องการเปิดด่านชายแดนไทย - กัมพูชาว่า เรายังไม่เปิด เรารอฟังเสียงพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว คำว่าเปิดด่านจะต้องมีการทำข้อตกลงต่างๆ มากมาย ทั้งการเจรจา และทางการทหาร โดยจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนและความปลอดภัยของประเทศ ซึ่งจะต้องไม่มีการยิงกัน หรือมีอาวุธมาจ่อกัน เมื่อเราเข้าไปบริหารประเทศแล้ว ตนก็จะให้ข้อสั่งการหรือนโบบายกับรมว.กลาโหมในรัฐบาลชุดใหม่ไปดำเนินการ ทั้งการถอนอาวุธและทุ่นระเบิด เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเกิดความปลอดภัยกับผู้คนทั้ง 2 ประเทศ ฉะนั้นกว่าเราจะไปถึงจุดนั้นยังอีกไกล แต่เราก็ต้องไปถึงจุดนั้น จะให้เราทะเลาะกับเพื่อนบ้านชั่วกัลปาวสานคงเป็นไปไม่ได้ และการจะใช้มาตรการรุนแรง โดยไม่มีการเจรจาเลย เมื่อถึงเวลาต่างคนต่างถือทิฏฐิ การเจรจาก็ไม่ไปถึงไหน จึงต้องใช้ทั้งศาสตร์ทั้งศิลป์ การพูดการทหาร การผ่อนคลาย และการกดดันต่างๆ
เมื่อถามว่า มีโอกาสจะได้เห็นนายกฯ ไทยกับนายกฯกัมพูชาเจอกันหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า การเจอกันไม่ได้หมายความว่าต้องยอมกันหรือไม่ เพราะการเจอกันก็จะทำอาจทำให้บรรยากาศหลายอย่างหรือสิ่งที่พูดแล้วไม่เข้าใจกัน หาข้อสรุปบางอย่างได้ แต่สิ่งสำคัญคือ เราจะไม่ยอมให้ประเทศไทยเสียเปรียบ ในความเป็นนายกฯ ของไทย โดยเรื่องเสียดินแดนไม่ต้องมาพูดกับตนอยู่แล้ว เรื่องที่จะทำให้คนไทยเป็นอันตราย ตนก็จะไม่ให้เกิดขึ้น
”เป็นนายกฯ ประเทศไทยนะครับ ไม่ใช่นายกฯ ประเทศอื่น เพราะฉะนั้นต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทย ของคนไทย เป็นประเด็นหลักอยู่แล้ว“ นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่า จะลงไปรับฟังเสียงของประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการเปิดด่านใช่หรือไม่ นายอนุทิน ร้องโถ่ พร้อมกล่าวว่า ”เรื่องลงพื้นที่ มีใครสู้ผมได้ ผมลงพื้นที่มาตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จนเขาเชิญออกจำไม่ได้หรือ ขยันจนถูกไล่ออก”
เมื่อถามต่อว่า จะทันในระยะเวลา 4 เดือนหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรามีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน ฉะนั้นตราบใดที่เรายังอยู่ในขอบเขตอำนาจที่เรามี เราก็ต้องใช้อย่างเต็มที่ไม่อยู่ในจุดนี้แน่นอน แต่จะใช้ได้ขนาดไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์