การเมืองไทยหมุนเปลี่ยนอีกครั้ง หลัง “พรรคเพื่อไทย” ที่เคยยืนอยู่ในจุดสูงสุดในฐานะ “แกนนำรัฐบาล” กลับต้องเผชิญสถานการณ์ที่ทำให้ตกมาอยู่ในบทบาท “ฝ่ายค้าน”
เมื่อครั้งก้าวขึ้นมาจัดตั้งรัฐบาล “พรรคเพื่อไทย” ถูกคาดหวังและมาพร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล การประคับประคองพันธมิตรในรัฐบาล และการเผชิญแรงเสียดทานจากสังคม ทำให้ “เกมการเมือง” เดินไปได้อย่างยากลำบาก
การอยู่ในรัฐบาลผสม แม้จะทำให้ได้ “เก้าอี้” แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่ได้ “อำนาจเต็ม” การตัดสินใจหลายอย่างถูกจำกัด ถูกต่อรอง และบางครั้งกลายเป็นเงื่อนไขที่ย้อน กลับมาหลอกหลอนตัวเองในภายหลัง “เพื่อไทย” จึงตกอยู่ในสภาพ “หลังพิงฝา” ที่ขยับไปข้างหน้าก็เจอแรงเสียดทาน ถอยหลังก็เจอแรงกดดัน
วันนี้ “พรรคเพื่อไทย” อาจไม่ได้อยู่ในบทบาท “ผู้กุมอำนาจรัฐ” อีกต่อไป แต่การกลับสู่ “ฝ่ายค้าน” ก็ไม่ได้หมายถึงความพ่ายแพ้ หากแต่เป็นการ “รีเซ็ตบทบาท” เพื่อทบทวนจุดยืน และสื่อสารกับประชาชนโดยตรง พรรคจะสามารถใช้เวทีฝ่ายค้านพิสูจน์ความเข้มแข็งทางนโยบาย และยืนเป็น “ทางเลือกใหม่” ที่แท้จริงได้หรือไม่ นั่นคือโจทย์สำคัญ