จังหวัดยโสธรตั้งรับมวลน้ำก้อนยักษ์กว่า 70 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่จะไหลลงมาในแม่น้ำชีจ่อเข้าพื้นที่ใน 3 วัน ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร สั่งทุกอำเภอเตรียมพร้อมขั้นสูงสุด
วันที่ 12 ก.ย.2568 ที่จังหวัดยโสธรสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ยังคงต้องจับตาอย่างต่อเนื่อง โดยนายชาญชัย ศรศรีวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร พร้อมด้วยว่าที่ร้อยตรี ขรรค์ไชย ทันธิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร และนายสันชัย พัฒนะวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ได้เรียกประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัยจังหวัดยโสธร เพื่อร่วมกันประเมินและวางแผนรับมือสถานการณ์น้ำอย่างเร่งด่วน หลังพื้นที่ตอนบนทั้งจังหวัดชัยภูมิ มหาสารคาม และร้อยเอ็ด มีปริมาณน้ำสะสมจำนวนมาก และมีรายงานมวลน้ำก้อนใหญ่มหาศาลกว่า 70 ล้านลูกบาศก์เมตร จากจังหวัดร้อยเอ็ดจ่อไหลเข้าสู่พื้นที่จังหวัดยโสธรในอีก 3 วันข้างหน้า ขณะที่หลายอำเภอท้ายน้ำระดับน้ำเริ่มวิกฤตแล้ว
โดยสถานการณ์ปัจจุบันในพื้นที่ยังคงน่ากังวล โดยเฉพาะอำเภอท้ายน้ำที่ต้องรับน้ำต่อจากอำเภอเมืองยโสธร ที่แม้วันนี้ภาพรวมระดับน้ำจะยังทรงตัว แต่น้ำในแม่น้ำชีมีระดับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยอำเภอคำเขื่อนแก้ว ที่รับน้ำต่อจากอำเภอเมืองยโสธรมีระดับน้ำอยู่ในขั้นวิกฤต บางจุดมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นถึง 20 เซนติเมตรจากวานนี้ ส่วนอำเภอมหาชนะชัย ก็เช่นเดียวกันที่วันนี้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นจากเดิม 14-30 เซนติเมตร เริ่มเข้าสู่ขั้นวิกฤต น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรของประชาชนแล้ว ขณะที่อำเภอค้อวัง ซึ่งเป็นพื้นที่ท้ายน้ำสุดของจังหวัดมีระดับน้ำสูงขึ้น 15 - 20 เซนติเมตร แต่ยังห่างจุดวิกฤตประมาณ 70 เซนติเมตร ส่วนอีกฝากของจังหวัด คือ อำเภอป่าติ้ว,ไทยเจริญ และเลิงนกทา ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำเซบายสถานการณ์เริ่มคลี่คลายเหลือเพียงน้ำค้างทุ่ง แต่ยังต้องเฝ้าระวังฝนที่ตกลงมาเพิ่มเติมในวันนี้ โดยปัจจุบันจังหวัดยโสธรได้มีการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินไปแล้ว 6 อำเภอ รวม 20 ตำบล 74 หมู่บ้าน ซึ่งมีเกษตรกรเดือดร้อน 3,108 ราย พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะได้รับความเสียหายรวม 27,411.25 ไร่ และยังคงตั้งรับมือกับผลกระทบจากพายุคาจิกิและหนองฟ้าอย่างต่อเนื่อง
ในโอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธรยังได้เน้นย้ำใน 3 มาตรการเร่งด่วน เพื่อเตรียมรับมือกับมวลน้ำก้อนยักษ์ที่กำลังจะมาถึงประกอบกับร่องมรสุมที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าจะทำให้มีฝนตกหนักในพื้นที่ช่วงวันที่ 14-15 กันยายน 2568 นี้จนถึงสิ้นเดือน ประกอบไปด้วย มาตรการเร่งสำรวจ-เยียวยา ที่ให้ทุกอำเภอเร่งสำรวจความเสียหายจากพายุลูกก่อนให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด โดยต้องจัดทำเอกสารให้ถูกต้อง ครบถ้วน มีพิกัดและภาพถ่ายที่ชัดเจน เพื่อให้การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็ว มาตรการบริหารจัดการน้ำเชิงรุกที่ต้องสำรวจ ตรวจ เช็ค และวางแผนบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบสอดประสานพื้นที่ต้นน้ำและท้ายน้ำ เพื่อหน่วงน้ำและผันน้ำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และมาตรการแจ้งเตือนประชาชน ที่ให้ทุกหน่วยงานแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงให้รวดเร็วที่สุด โดยขอให้ระวังโรคที่มากับน้ำ ไม่ว่าจะเป็น โรคฉี่หนู โรคเท้าเปื่อยและโรคอื่น ๆ รวมถึงสัตว์มีพิษ และไฟฟ้ารั่ว และขอให้ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด มีการเตรียมพร้อมอพยพหากสถานการณ์เข้าสู่ขั้นวิกฤต โดยศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับมือและลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้ได้มากที่สุด