“ผมขอเสนอข้อริเริ่มว่าด้วยธรรมาภิบาลโลก เพื่อทำงานร่วมกับทุกประเทศในการผลักดันให้เกิดระบบธรรมาภิบาลโลกที่ยุติธรรมและสมเหตุสมผลยิ่งขึ้น และก้าวไปสู่ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมวลมนุษยชาติ”
ในการประชุม “องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้+” เมื่อวันที่ 1 กันยายน ณ เมืองเทียนจิน ท่ามกลางบรรดาผู้นำประเทศและผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ และภายใต้สถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่โลกไม่เคยประสบมากว่าร้อยปี ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เสนอข้อริเริ่มระดับโลกที่สำคัญยิ่งนี้
ตั้งแต่คำถามว่า โลกต้องการแนวคิดการพัฒนาแบบใด ประเทศต่าง ๆ จะบรรลุความมั่นคงร่วมกันได้อย่างไร อารยธรรมที่แตกต่างกันควรอยู่ร่วมกันอย่างไร ไปจนถึงการสร้างระบบธรรมาภิบาลโลกแบบใด และจะปฏิรูปปรับปรุงระบบดังกล่าวอย่างไร คำตอบต่อโจทย์เชิงยุคสมัยเหล่านี้ล้วนเกี่ยวพันกับอนาคตและชะตากรรมของโลก ตลอดจนความผาสุกขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกประเทศ
ในปี 2021 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เสนอ “ข้อริเริ่มเพื่อการพัฒนาทั่วโลก” ในปี 2022 เสนอ “ข้อริเริ่มด้านความมั่นคงทั่วโลก” ในปี 2023 เสนอ “ข้อริเริ่มด้านอารยธรรมทั่วโลก” และครั้งนี้ ได้เสนอ “ข้อริเริ่มว่าด้วยธรรมาภิบาลโลก” ซึ่งนับเป็น “สินค้าสาธารณะ” สำคัญอีกชิ้นที่จีนยุคใหม่มอบให้แก่โลก ยิ่งช่วยเสริมสร้างและพัฒนาทั้งทฤษฎีและแนวทางปฏิบัติของการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมวลมนุษยชาติ เติมพลังแห่งเสถียรภาพอันเปี่ยมด้วยปัญญาตะวันออกให้แก่โลกที่กำลังสั่นคลอน
ข้อริเริ่มระดับโลกทั้งสี่ด้านมีจุดเน้นที่แตกต่างกัน แต่เดินควบคู่กันได้ ร่วมกันประกอบเป็น “แนวทางของจีน” ที่สมบูรณ์และเป็นระบบยิ่งขึ้น เป็นทั้งรากฐานทางปรัชญาและเส้นทางปฏิบัติจริงในการแก้ปัญหาการขาดแคลนสันติภาพ การพัฒนา ความมั่นคง และธรรมาภิบาล โดยแก่นแท้แล้ว คือการแก้ปัญหาการขาดแคลนภาวะผู้นำ ในยามที่สถานการณ์โลกปั่นป่วนและปัญหามีมากมาย โลกต่างโหยหาความมั่นคงและทิศทางที่ชัดเจน และเรียกร้องอย่างเร่งด่วนให้ประเทศมหาอำนาจที่มีความรับผิดชอบแสดงภาวะผู้นำและมอบความเชื่อมั่นที่ชัดเจน
ด้วยความห่วงใยต่อชะตากรรมของมวลมนุษยชาติ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้นำเสนอข้อริเริ่มว่าด้วยธรรมาภิบาลโลก มอบคำตอบจากจีนที่เปี่ยมด้วยปัญญาตะวันออกต่อการปฏิรูปและการปรับปรุงระบบธรรมาภิบาลโลก พร้อมชี้เส้นทางที่ชัดเจนในการก้าวเดินร่วมกัน
“การยึดมั่นในหลักอธิปไตยที่เท่าเทียม” คือเงื่อนไขเบื้องต้น ต้องยืนหยัดให้ทุกประเทศ ไม่ว่าขนาดเล็กหรือใหญ่ แข็งแรงหรืออ่อนแอ ร่ำรวยหรือยากจน ต่างมีสิทธิเท่าเทียมกันในการมีส่วนร่วม การตัดสินใจ และการได้รับประโยชน์จากธรรมาภิบาลโลก ผลักดันประชาธิปไตยในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเพิ่มบทบาทตัวแทนและสิทธิการมีเสียงของประเทศกำลังพัฒนา
“การเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ” คือหลักประกันพื้นฐาน ต้องปฏิบัติตามวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ และบรรทัดฐานขั้นพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างครบถ้วนและสมบูรณ์ รับรองว่ากฎหมายและกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศถูกใช้บังคับอย่างเสมอภาคและเป็นหนึ่งเดียว ไม่ใช้มาตรฐานสองชั้น และไม่บังคับใช้ “กฎบ้าน” ของประเทศเพียงไม่กี่ประเทศต่อผู้อื่น
“การยึดมั่นพหุภาคีนิยม” คือเส้นทางพื้นฐาน ต้องยืนหยัดในแนวคิดธรรมาภิบาลโลกที่ “ปรึกษาหารือ ร่วมสร้าง และแบ่งปัน” ร่วมกันเสริมสร้างความสามัคคีและความร่วมมือ ต่อต้านลัทธิเอกภาคี ปกป้องสถานะและอำนาจของสหประชาชาติอย่างมั่นคง และทำให้สหประชาชาติมีบทบาทสำคัญที่ไม่มีสิ่งใดทดแทนได้ในธรรมาภิบาลโลก
“การยึดหลักประชาชนเป็นศูนย์กลาง” คือค่านิยมที่ต้องถือไว้ ต้องปฏิรูประบบธรรมาภิบาลโลกให้สมบูรณ์ขึ้น รับประกันว่าประชาชนของทุกประเทศมีส่วนร่วมในธรรมาภิบาลโลก และแบ่งปันผลลัพธ์ร่วมกัน เพื่อรับมือกับความท้าทายร่วมของสังคมมนุษย์ได้ดียิ่งขึ้น ลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างเหนือ–ใต้ และปกป้องผลประโยชน์ร่วมกันของนานาประเทศให้ดียิ่งขึ้น
“การมุ่งเน้นผลลัพธ์เชิงปฏิบัติ” คือหลักการสำคัญ ต้องวางแผนอย่างเป็นระบบ ขับเคลื่อนในภาพรวม ประสานการดำเนินงานระดับโลก ระดมทรัพยากรจากทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ สร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้มากขึ้นด้วยความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม และหลีกเลี่ยงความล้าหลังและความกระจัดกระจายในระบบธรรมาภิบาล
การนำเสนอข้อริเริ่มว่าด้วยธรรมาภิบาลโลก มิใช่การรื้อทิ้งหรือเริ่มต้นใหม่ แต่เป็นการสร้างสรรค์และปรับปรุง เพื่อผลักดันให้ระบบธรรมาภิบาลโลกพัฒนาไปในทิศทางที่ยุติธรรมและสมเหตุสมผลยิ่งขึ้น และนำประโยชน์มาสู่ประชาชนทุกประเทศได้ดีกว่าเดิม