วันที่ 11 ก.ย.2568 ที่อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์  นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้สำนักงาน กกต.สำหรับการจัดการเลือกตั้งและการออกเสียงประชามติ  โดยกล่าวช่วงหนึ่งในพิธีเปิด   ถึงการเลือกตั้งทั่วไป   ว่า การเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยาในปี 2569   โดยไม่คิดว่าจะเร็วกว่านี้  แต่เมื่อการเมืองเปลี่ยนเร็วมีสัญญาณว่าจะได้เลือกตั้งในปี 2569    และจะมีการออกเสียงประชามติ    จึงเป็นปีที่เต็มไปด้วยประชาธิปไตย   เต็มไปด้วยพลังของประชาชนที่จะแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยผ่านกระบวนการการเลือกตั้ง 

ขณะที่สำนวนคดีฮั้ว สว.หลายคนมีคำคำถามว่า กกต. ทำอะไรอยู่ถึงยังไม่แล้วเสร็จ จริง ๆ ใครก็อยากได้ความยุติธรรม แต่การประวิงเวลาคือความไม่ยุติธรรม ทั้งนี้ความยุติธรรมประกอบด้วย 4 เรื่อง ประกอบด้วย “ขั้นตอน เวลา ข้อเท็จจริง และการปฎิบัติ” ซึ่งสำนักงาน กกต.ได้คำนึงถึงและปฏิบัติเช่นเดียวกับการพิจารณาสำนวน สว. เพียงแต่สำนวนนี้แตกต่างจากสำนวนอื่นที่มีหลายชั้น  มีความซับซ้อนเป็นใหญ่สำนวนใหญ่ต้องใช้เวลา 

ดังนั้นข้อเท็จจริงต้องครบถ้วนให้สิ้นกระแสความจนมีหลักฐานที่พอในการวินิจฉัย การรวบรวมพยานหลักฐานก็เป็นส่วนหนึ่งของความยุติธรรม   การให้โอกาสการปฎิบัติอย่างเป็นธรรมก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของความยุติธรรมเช่นกัน   สำหรับสำนวน สว.อยู่ในชั้นการพิจารณาของเลขาธิการอีก 4-5 วัน   คงจะส่งไปที่คณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้ง   ก่อนจะถึงชั้นการพิจารณาของ กกต. เราไม่สามารถตัดตอนขั้นตอนใดขั้นตอนได้ เนื่องจากเป็นขั้นตอนที่เรากำหนดไว้ ให้โอกาสทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม

ในชั้นของเลขาธิการมีหน้าที่ในการตรวจสำนวนว่าคณะอนุกรรมการวินิจฉัยฯ ทำถูกต้องครบถ้วนหรือไม่    หากทำไม่ครบถ้วนก็ต้องสั่งสอบเพิ่ม    เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม แต่เนื้อหาสำนวนไม่สามารถบอกได้ว่ารวบรวมพยานหลักฐานได้แค่ไหนอย่างไร ส่วนที่เป็นข่าวอาจเป็นเรื่องเล่า   แต่ในสำนวนตอนนี้แม้แต่ กกต.ก็ยังไม่มีใครทราบ  ปัจจุบันสำนวนคดีฮั้ว สว.จะครบเวลาในวันที่ 16 ก.ย.  เหลือชั้นคณะอนุกรรมการวินิจฉัยฯ มีเวลาไม่เกิน 90 วัน จากนั้นเป็นชั้นของกรรมการการเลือกตั้ง

ส่วนการเตรียมการเลือกตั้งและการออกเสียงประชามติ  มั่นใจในระดับหนึ่งว่าปี 2569  จะมีการเลือกตั้งทั่วไปตามที่ฝ่ายการเมืองได้ให้สัญญาประชาคมไว้   รวมถึงการออกเสียงประชามติ  เราเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา  เราทำการเลือกตั้งมาโดยตลอด  รูปแบบการเลือกตั้งจะไม่ต่างกันมาก คงไม่เป็นปัญหาในการเตรียมการ แต่อาจจะแตกต่างออกไปหากมีการกำหนดให้วันออกเสียงประชามติตรงวันเลือกตั้ง สส. 

สำนักงาน กกต. ก็มีความพร้อมและได้ร่างระเบียบ ออกเสียงประชามติและวันเลือกตั้งให้เป็นวันเดียวกัน รอการบังคับใช้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพราะอำนาจในการออกเสียงประชามติเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีโดยหารือกับ กกต.ว่าจะตรงกันหรือไม่หากตรงกันกับวันเลือกตั้ง เรามีความพร้อมที่จะทำ

ส่วนประสิทธิภาพในการเลือกตั้ง สำนักงาน กกต. ยืนยันว่าจะทำการแข่งขันให้มีความหมายในการเลือกตั้ง ความจริงการเลือกตั้งมีความหมายในตัว การที่ประชาชนจะได้แสดงเจตจำนงให้มีผู้บริหารและมีตัวแทนทำหน้าที่  ทั้งนิติบัญญัติและบริหาร หากคำนึงถึงตรงนี้การเลือกตั้งจะเป็นทางออกสังคม หน้าที่เราคือการทำการเลือกตั้งให้เป็นที่ยอมรับ วันไหนที่การเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับได้ การเมืองจะนิ่ง ทำให้บ้านเมืองเราเดินต่อไปได้อย่างเรียบร้อย 

ทุกการเลือกตั้งอาจจะเป็นปัญหาอยู่บ้าง โดยเฉพาะปัญหาทางธุรการ แต่การเลือกตั้งครั้งหน้าขอรับปากว่าจะไม่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอำนวยความสะดวกของประชาชนในการออกเสียงล่วงหน้าที่มีการแออัดในบางแห่ง เอกสารต่าง ๆ ที่จะต้องดำเนินการให้ถูกต้อง สำนักงาน กกต.ได้ซักซ้อมว่าไม่ให้เกิดขึ้น รวมทั้งการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในหน่วยเลือกตั้ง การนับคะแนน หากต้องตรงกับวันออกเสียงประชามติจะวางแผนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

”การเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน  ผมในวันนั้น  ก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง สื่อมวลชนก็ต้องไปเลือกตั้ง ฝ่ายการเมืองและผู้สมัคร  หากไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกคน  และไม่เห็นความสำคัญกับการเลือกตั้ง  หวังแค่ให้ชนะ ปัญหาคงไม่ได้รับการแก้ไข“ นายแสวง  กล่าว 

นายแสวง   ย้ำว่าอยากให้ทุกคนเห็นความสำคัญและร่วมมือหาทางออกให้กับประเทศโดยผ่านการเลือกตั้ง เป็นวิธีการที่ถูกต้องเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สำนักงาน กกต.จะทำการเลือกตั้งที่เสมือนการแข่งขันให้ออกมาดีที่สุด เป็นที่ยอมรับมากที่สุด