เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 68 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะเปิดเผยว่า บ่ายวันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ สส.พรรคเพื่อไทย 20 คน (นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ และคณะ) ว่ามีพฤติการณ์ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 8 ข้อ 11 ข้อ 17 หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า หลังจากเห็นข่าวศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 68 เรื่องที่ 5 ซึ่งผลออกมาเป็นไปตามที่ตนได้คาดไว้ และรอมาจนถึงวันที่ศาลได้พิจารณา จึงมีพยานหลักฐานพอแก่การร้องขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบทางจริยธรรมได้ต่อไป โดยในหนังสือมีความโดยย่อดังนี้
ข้อ 1. เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 เว็บไซต์ศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยข่าวที่ 34/2568 เรื่องที่ 5 ดังนี้
“(5) คำร้องที่ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาคดี จำนวน 3 ฉบับ ตามคำวินิจฉัยที่ 17/2568 ลงวันที่ 29 สิงหาคม 2568 (เรื่องพิจารณาที่ 18/2568)
คำร้องที่ 1 นายนิยม นพรัตน์ คำร้องที่ 2 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ผู้ถูกร้อง คำร้องที่ 3 ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องของนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ และคณะ รวมจำนวน 20 คน ซึ่งทั้งสามคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนกระบวนพิจารณาคดีตามคำวินิจฉัยที่ 17/2568 และพิจารณาคดีใหม่ เนื่องจากประกาศแต่งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้นายสราวุธ ทรงศิวิไล เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แทนนายปัญญา อุดชาชน ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2568 คำวินิจฉัยดังกล่าวจึงออกโดยองค์คณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ผลการพิจารณา
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องทั้ง 3 ฉบับ แล้วเห็นว่า เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้รับหนังสือสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ที่ สว 0008/4304 ลงวันที่ 1 กันยายน 2568 แจ้งว่าได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายสราวุธ ทรงศิวิไล เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2568 มิใช่วันที่ 29 สิงหาคม2568 ตามที่ยื่นคำร้อง ข้อเท็จจริงไม่ตรงตามคำร้อง จึงไม่รับคำร้องไว้พิจารณา”
ข้อ 2. ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 เว็บไซต์ PPTV หัวข้อ เปิดรายชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ลงชื่อถามส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ ลงข่าวไว้ โดยมีชื่อ 20 สส. ดังนี้
1.นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ
2.นายเชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ
3.นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี
4.นายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ สส.นครพนม
5.นายบุญแก้ว สมวงศ์ สส.ยโสธร
6.นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม
7.นางเทียบจุฑา ขาวขำ สส.อุดรธานี
8.นายขจิตร ชัยนิคม สส.บัญชีรายชื่อ
9.นายณพล เชยคำแหงสส.หนองบัวลำภู
10.นายทรงศักดิ์ ส่งเสริมอุดมชัย จ.นครสวรรค์
11.ทันตแพทย์หญิงศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ
12.นายอภิชาติ ตรีสวัสดิชัย สส.สกลนคร
13.น.ส.ศรีโสภา โกฏคำลือ สส.เชียงใหม่
14.นายธเนศ เครือรัตน์ สส.ศรีสะเกษ
15.น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ สส.อุตรดิตถ์
16.น.ส.ประภาพร ทองปากน้ำ สส.สุโขทัย
17.นายนิพนธ์ คนขยัน สส.บึงกาฬ
18.นายชูศักดิ์ แม้นทิม สส.กาญจนบุรี
19.นายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี
20.น.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สส.เชียงราย
ข้อ 3. การที่ศาลพิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงไม่ตรงตามคำร้อง จึงไม่รับคำร้องไว้พิจารณา นั้น เมื่อไปตรวจดูข้อมูลจากราชกิจจานุเบกษา พบหลักฐานชัดเจนว่า พระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายสราวุธ ทรงศิวิไล เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2568 (ตามสำเนาที่แนบ) หาใช่วันที่ 29 สิงหาคม2568 ตามที่กล่าวอ้างในคำร้อง แต่อย่างใด
ข้อ 4. ดังนั้น การที่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ และคณะ รวมจำนวน 20 คน ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้ยื่นคำร้องนั้น จึงเป็นการใช้ข้อเท็จจริงที่ไม่ตรงกับในราชกิจจานุเบกษา อาจเข้าข่ายใช้ข้อความที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนกระบวนพิจารณาคดีตามคำวินิจฉัยที่ 17/2568 และพิจารณาคดีใหม่ ที่วินิจฉัยให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเอง หรือผู้อื่น หรืออาจเข้าข่ายกระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม และอาจเข้าข่ายกระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง กรณี จึงมีเหตุอันควรตรวจสอบว่า การยื่นคำร้องดังกล่าวดังกล่าว เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 8 ข้อ 11 ข้อ 17 หรือไม่
ข้อ 5. มาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 8 ข้อ 11 ข้อ 17 กำหนดไว้ดังนี้
“ข้อ 8 ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเอง หรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ”
“ข้อ 11 ไม่กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม”
“ข้อ 17 ไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง”
ข้อ 6. นอกจากนี้ สส. ทั้ง 20 คน ต้องอบู่ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 115 และมาตรา 211 ด้วย ซึ่งบัญญัติว่า
“มาตรา 115 ก่อนเข้ารับหน้าที่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องปฏิญาณตน ในที่ประชุมแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกด้วยถ้อยคำ ดังต่อไปนี้
“ข้าพเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอปฏิญาณว่า ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทุกประการ””
“มาตรา 211 องค์คณะของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในการนั่งพิจารณาและในการทำคำวินิจฉัย ต้องประกอบด้วยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่น้อยกว่าเจ็ดคน
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนญให้ถือเสียงข้างมาก เว้นแต่รัฐธรรมนูญจะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องใดไว้พิจารณาแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญผู้ใดจะปฏิเสธไม่วินิจฉัย โดยอ้างว่าเรื่องนั้นไม่อยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญมิได้
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ”
ข้อ 7. ดังนั้น คำร้องของนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ และคณะ รวมจำนวน 20 คน จึงอาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 115 และมาตรา 211 อีกโสดหนึ่งด้วย (ทั้งนี้ ได้แนบสำเนาคำร้องมาใช้ประกอบการตรวจสอบด้วยแล้ว)